วันที่ 2 มี.ค. บีบีซี รายงานว่า นายอเล็กเซย์ นาวัลนี ผู้นำฝ่ายค้านของรัสเซีย โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ เรียกร้องให้ประชาชนออกมาชุมนุมทุกวันทั่วรัสเซียและที่อื่นๆ หลังนายวลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ส่งกองทัพรุกรานยูเครน ภายใต้ชื่อปฏิบัติการทางทหาร ตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.
“เรา – ในนามรัสเซีย – ต้องการเป็นชาติแห่งสันติภาพ แต่อนิจจา น้อยคนนักที่จะเรียกเราเช่นนั้นในเวลานี้ แต่ชาวรัสเซียอย่างน้อยๆ ไม่ควรทำตัวกลายเป็นชาติของคนเงียบที่หวาดกลัว ที่แสร้งไม่เห็นสงคราม
“นี่เป็นทศวรรษที่สามของศตวรรษที่ 21 และเรากำลังดูข่าวเกี่ยวกับคนถูกไฟไหม้ในรถถังและบ้านที่ถูกระเบิด เรากำลังจับตาภัยคุกคามที่แท้จริงในการเริ่มสงครามนิวเคลียร์ทางโทรทัศน์ของเรา” นายนาวัลนีระบุ
ทั้งนี้ นายนาวัลนีโพสต์ข้อความดังกล่าวมาจากเรือนจำความมั่นคงสูง ทางตะวันออกของกรุงมอสโก ซึ่งถูกควบคุมตัวมาเป็นเวลา 1 ปีแล้ว หลังรอดตายจากการถูกวางยาเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งนายนาวัลนีโทษว่ารัสเซียอยู่เบื้องหลัง แต่รัสเซียปฏิเสธ และเมื่อเดือนที่แล้ว นายนาวัลนีถูกนำตัวขึ้นศาลในข้อกล่าวหาใหม่ ซึ่งอาจส่งผลให้นายนาวัลนีต้องติดคุกเพิ่มมากกว่า 10 ปี
วันเดียวกัน สถานการณ์สงครามที่รัสเซียรุกรานยูเครนยืดเยื้อเป็นวันที่ 7 การปะทะยังมีต่อเนื่องในหลายเมืองทั่วยูเครน โดยกองทัพรัสเซียโจมตียูเครนจากทางทิศเหนือ ใต้ และตะวันออก
ที่กรุงเคียฟ หอส่งสัญญาณโทรทัศน์หลักถูกรัสเซียโจมตีทางอากาศด้วยขีปนาวุธ เมื่อวันอังคารที่ 1 มี.ค. ตามเวลาท้องถิ่น หลังรัสเซียเตือนให้ผู้อยู่อาศัยใกล้พื้นที่ทหารของเมืองหลวงออกอพยพออกไป มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 ราย ผู้บาดเจ็บ 5 คน ทำให้การออกอากาศต้องงดไปชั่วคราว ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าขบวนแถวยานยนต์ทางทหาร รถหุ้มเกราะรัสเซียความยาว 64 กม. ที่กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเคียฟ อยู่ห่างจากเมืองหลวงไปทางเหนือของยูเครนเพียงราว 24 กิโลเมตร
ที่เมืองคาร์คีฟ เมืองใหญ่อับดับสอง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน กองทัพยูเครนระบุว่า กองกำลังพลร่มรัสเซียบุกเข้าเมืองคาร์คีฟทางอากาศเมื่อช่วงเช้าตรู่ และเกิดการปะทะทันทีเพื่อพยายามเข้าควบคุมเมืองคาร์คีฟ ขณะเดียวกัน มีรายงานการโจมตีด้วยจรวดอีกครั้ง เป้าหมายเป็นอาคารสำนักงานตำรวจ สำนักความมั่นคง และมหาวิทยาลัยคาราซิน ซึ่งไฟไหม้ เมื่อช่วงเช้าตามเวลาท้องถิ่น มีผู้เสียชีวิต 4 ราย นายอีกอร์ เทเรกฮอฟ นายกเทศมนตรีเมืองคาร์คีฟ ระบุว่า บางส่วนของเมืองคาร์คิฟถูกกองทัพรัสเซียล้อมรอบ” ซึ่งกองทัพยูเครนกำลังสกัดกั้นอย่างกล้าหาญ
ส่วนความคืบหน้าหลังรัสเซียยิงจรวดโจมตีอาคารสำนักงานรัฐบาลเมืองคาร์คีฟ เมื่อวันอังคารที่ 1 มี.ค. ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 21 ราย และบาดเจ็บ 112 คน
ที่เมืองจีโตมีร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของยูเครน อาคารที่พักอาศัยถูกยิงด้วยขีปนาวุธจนไฟไหม้ ผู้เสียชีวิต 4 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 16 คน
ด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียอ้างว่า ทหารรัสเซียสามารถเข้าควบคุมเมืองเฮอร์ซอน ทางใต้ของประเทศ ซึ่งติดกับคาบสมุทรไครเมียได้แล้ว หลังถูกปิดล้อมโจมตีอย่างหนักเมื่อวันอังคารที่ 1 มี.ค. จนพลเมืองเสียชีวิตราว 200 ราย โดยรถหุ้มเกราะและทหารรัสเซียลาดตระเวนบนท้องถิ่นสายต่างๆ หากมีการยืนยันว่าเป็นความจริง จะกลายเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในยูเครนที่กองทัพรัสเซียสามารถยึดครองได้จนถึงตอนนี้และกลายเป็นชัยภูมิสำคัญสำหรับกองทัพรัสเซีย
เสนาธิการทหารกองทัพยูเครนแถลงตัวเลขการสูญเสียของกองทัพรัสเซียตั้งแต่เริ่มรุกรานเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ว่า สังหารทหารรัสเซียแล้ว 5,840 นาย ทำลายเครื่องบินรบ 30 ลำ เฮลิคอปเตอร์ 31 ลำ รถถัง 211 คัน รถสายตรวจหุ้มเกราะ 862 ตัน ระบบปืนใหญ่ 85 เครื่อง ระบบต่อต้านอากาศยาน 9 เครื่อง ถังเชื้อเพลิง 60 ถัง ยานยนต์ทหาร 355 คัน และยึดเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง 40 เครื่อง ส่วนทหารยูเครนถูกสังหารแล้วมากกว่า 70 นาย ขณะที่รัสเซียยังไม่เปิดเผยตัวเลขการสูญเสียของตัวเองจนถึงตอนนี้
ที่กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวในการแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภาว่า นายวลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย คิดผิดอย่างมากถึงวิธีการที่ตะวันตกจะตอบโต้เมื่อนายปูตินสั่งกองทัพรัสเซียบุกยูเครน นายไบเดนให้คำมั่นการแก้ปัญหาอย่างแน่วแน่ว่า เสรีภาพจะมีชัยเหนือการปกครองแบบเผด็จการเสมอ
“สงครามของปูตินมีการไตร่ตรองล่วงหน้าและไม่มีการยั่วยุ ปูตินปฏิเสธความพยายามทางการทูตซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปูตินคิดว่าตะวันตกและนาโตจะไม่ตอบโต้ และคิดว่าตัวเองจะทำให้พวกเราแตกแยกกัน ปูตินคิดผิด พวกเราพร้อมแล้ว ขอให้พวกเราแต่ละคน… แสดงจุดยืนและส่งสัญญาณชัดเจนไปถึงยูเครนและทั่วโลก” นายไบเดนบอกกับผู้ฟังของเขาในสภาผู้แทนราษฎร เรียกเสียงปรบมือจากส.ส.พรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน
นายไบเดนกล่าวด้วยว่า สหรัฐจะปล่อยน้ำมันสำรอง 30 ล้านบาร์เรลออกสู่ตลาด เพื่อแก้ปัญหาราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขณะนี้ ตามความเห็นชอบขององค์พลังงานระหว่างประเทศ (ไออีเอ) ในการปล่อยน้ำมันสำรอง 60 ล้านบาร์เรล โดยสหรัฐร่วมมือกับ 30 ประเทศเพื่อปล่อยน้ำมันสำรอง 60 ล้านบาร์เรลจากแหล่งน้ำมันสำรองทั่วโลก และจะเป็นผู้นำด้วยการปล่อยน้ำมันสำรอง 30 ล้านบาร์เรล และพร้อมจะทำมากกว่านี้หากจำเป็น หลังราคาน้ำมันดิบทะลุ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากปฏิบัติการทางทหารในยูเครน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทานน้ำมัน เนื่องจากรัสเซีย ผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ กำลังเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรจากนานาชาติ
นายไบเดนประกาศว่า สหรัฐจะห้ามเครื่องบินจากรัสเซียเข้าน่านฟ้าสหรัฐ เป็นมาตรการคว่ำบาตรแบบเดียวกับที่แคนาดาและสหภาพยุโรปใช้ไปก่อนหน้านี้ โดยนายไบเดนกล่าวว่า การห้ามดังกล่าวจะยิ่งเพิ่มแรงกดดันและความเสียหายต่อเศรษฐกิจรัสเซีย ขณะนี้มูลค่าหุ้นในตลาดหลักทรัพย์รัสเซียตกลงไปแล้วราว 30-40%
โบอิง บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินของสหรัฐ ประกาศจะหยุดบริการซ่อมบำรุง เปลี่ยนอะไหล่ หรือสนับสนุนทางเทคนิคอื่นๆ แก่เครื่องบินของรัสเซียทั้งหมด เพื่อเป็นการตอบสนองต่อมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของชาติตะวันตก ขณะนี้โบอิงปิดสำนักงานในกรุงเคียฟ และหยุดฝึกอบรมนักบินในกรุงมอสโกแล้ว
นายโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน แถลงที่วาระการประชุมฉุกเฉินของรัฐสภายุโรปผ่านวิดีโอลิงก์ เมื่อวันอังคารที่ 1 มี.ค. เรียกร้องให้สหภาพยุโรป (อียู) พิสูจน์ว่า อียูจะอยู่กับยูเครนและจะไม่ปล่อยยูเครนไป หลังนายเซเลนสกีลงนามคำขออย่างเป็นทางการเพื่อเข้าร่วมอียูเมื่อวันจันทร์ที่ 28 มี.ค. และผู้นำ 8 ประเทศสมาชิกอียูในยุโรปกลางและตะวันออก ออกจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้ยูเครนได้รับสถานะผู้สมัครเป็นสมาชิกอียูทันทีและเพื่อเริ่มต้นการเจรจาเกี่ยวกับสมาชิกภาพอย่างเป็นทางการ
“เรากำลังต่อสู้เพื่อเป็นสมาชิกเท่าเทียมของยุโรป จงพิสูจน์ว่าคุณอยู่กับเรา พิสูจน์ว่าคุณจะไม่ปล่อยเราไป จงพิสูจน์ว่าคุณเป็นคนยุโรปจริงๆ แล้วชีวิตจะชนะความตาย และความสว่างจะชนะความมืด สหภาพยุโรปจะแข็งแกร่งมากขึ้นกับเรา” นายเซเลนสกีกล่าว
นายชาร์ล มีแชล ประธานคณะมนตรียุโรป ชี้แจงต่อรัฐสภายุโรปว่า อียูจะต้องพิจารณาคำขอดังกล่าวที่ถูกต้องตามกฎหมายของยูเครนเพื่อเข้าร่วมอียู แต่เป็นการยาก เนื่องจากมีมุมมองแตกต่างกันในยุโรปเกี่ยวกับการรับสมาชิกเพิ่มเติม