ผัว-เมียป่วยมะเร็งทั้งคู่ ฟังหมอยิ่งเสียใจ "สไตล์การกิน" ที่คิดว่าดี เหมือนวางยาพิษตัวเอง!

Home » ผัว-เมียป่วยมะเร็งทั้งคู่ ฟังหมอยิ่งเสียใจ "สไตล์การกิน" ที่คิดว่าดี เหมือนวางยาพิษตัวเอง!
ผัว-เมียป่วยมะเร็งทั้งคู่ ฟังหมอยิ่งเสียใจ "สไตล์การกิน" ที่คิดว่าดี เหมือนวางยาพิษตัวเอง!

คู่รักวัยชรา ทรุดตัวเจอ “มะเร็งลำไส้ใหญ่” ทั้งคู่ หมอชี้ต้นเหตุคือ “อาหาร” ที่กิน เหมือนวางยาพิษตัวเอง

สำหรับหลายๆ ครอบครัว มีนิสัยชอบเก็บอาหารที่เหลือข้ามคืนแล้วนำไปอุ่นสำหรับทานมื้อต่อไป เพราะช่วยประหยัดทั้งเงินและเวลา อย่างไรก็ตาม การประหยัดอดออมในทางที่ผิด โดยเฉพาะในเรื่องอาหารที่รับประทานประจำวัน สามารถกลายเป็นการ “วางยาพิษ” ตัวเองและครอบครัวได้อย่างเงียบๆ โดยที่ไม่รู้ตัว

มีกรณีสามีภรรยาคู่หนึ่งที่อายุมากกว่า 50 ปี เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน เนื่องจากทั้งคู่มีอาการปวดท้องเรื้อรังและน้ำหนักลด ก่อนที่จะได้รับผลการวินิจฉัยว่าเป็น “มะเร็งลำไส้ใหญ่” ในตอนแรกพวกเขายังคงคิดว่าหมออาจตรวจผิดพลาด เพราะตนเองมีวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีมาโดยตลอด โดยเฉพาะในเรื่องการกิน

ทั้งคู่บอกว่าพวกเขากินอาหาร 3 มื้อต่อวันเสมอ มักจะทำอาหารกินเองที่บ้านเสมอ ไม่ค่อยออกไปกินข้าวนอกบ้าน ที่สำคัญคือกินไขมันน้อยลงและเน้นกินผักใบเขียวเยอะๆ ดังนั้น การมีเนื้องอกในทางเดินอาหารจึงเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับได้ อย่างไรก็ตาม นิสัยการกินนี้เองที่เป็น “เบาะแส” ช่วยให้แพทย์ค้นหาสาเหตุของการเจ็บป่วยของทั้งสองคนได้

คุณหมอเล่าว่า “มะเร็งในคู่รักหรือครอบครัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรม มักมีสาเหตุทางคลินิกมาจากรูปแบบการดำเนินชีวิต นั่นคือพวกเขามีนิสัยที่ไม่ดีในการดำรงชีวิตเช่นเดียวกัน ทั้งการรับประทานอาหาร การใช้ชีวิต หรือการทำงาน ในกรณีนี้เมื่อคนไข้และภรรยาบอกว่างานยุ่งมาก แต่มักจะกินข้าวบ้านวันละ 3 มื้อ และกินผักใบเขียวเยอะๆ ก็ยิ่งทำให้ฉันสงสัย

เมื่อถามให้ละเอียดมากขึ้นก็พบว่า คู่รักคู่นี้ประหยัดเงิน จึงมักจะทำอาหารให้กินได้หลายมื้อ สำหรับมื้อเย็นพวกเขาจะกินผักเยอะๆ เมื่อมีของเหลือก็จะเก็บไว้ในภาชนะที่ปิดสนิทในตู้เย็น และนำมาอุ่นสำหรับมื้อเช้าและมื้อกลางวันในวันรุ่งขึ้น การประหยัดเช่นนี้เองที่ทำให้ทั้งคู่เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่”

คุณหมอยังเตือนด้วยว่า ในความเป็นจริง อาหารใดๆ ก็ตามที่ทิ้งไว้ข้ามคืน แม้จะเก็บไว้ในตู้เย็นแล้วนำไปอุ่นก็ “ไม่ดี” เนื่องจากปริมาณทางโภชนาการของพวกมันสามารถเปลี่ยนแปลงถึงขั้นเสื่อมโทรมและเป็นพิษได้ ไม่ต้องพูดถึงกระบวนการเก็บรักษายังเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เกิดพิษและโรคอื่นๆ อีกมากมาย

สำหรับผักใบเขียวที่มักจะแนะนำให้กินมากๆ เพราะอุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร วิตามิน และช่วยป้องกันโรคต่างๆ อย่างไรก็ตาม คุณประโยชน์เหล่านี้จะหายไปหากมีการอุ่นซ้ำอีกครั้งหลังจากรับประทานอาหารที่เหลือ แม้แต่การกินผักใบเขียวที่ค้างคืนไว้ก็ไม่ต่างจากการ “วางยาพิษ” ให้กับตัวเองเลย

“เหตุผลก็คือ อาหารประเภทผักใบเขียวที่ทิ้งไว้ข้ามคืน หรือตากอากาศนานเกินไป จะทำให้เกิดไนไตรต์ซึ่งเป็นสารที่ WHO ยอมรับว่ามีความสามารถในการก่อให้เกิดมะเร็งได้ เพราะหลังจากเข้าสู่ระบบทางเดินอาหารแล้ว ไนไตรท์จะทำปฏิกิริยากับเอมีนสลายผลิตภัณฑ์โปรตีน พวกมันรวมกันก่อตัวเป็นไนโตรซามีนซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งประเภท 1 และสามารถทำให้เกิดเนื้องอกในทางเดินอาหารได้ง่าย

ไม่ต้องพูดถึง วิตามินและโฟเลตในผักสีเขียวเข้ม ก็มีความไวต่อความร้อนเช่นกัน เมื่อผ่านความร้อนครั้งที่สองสารเหล่านี้จะถูกทำลายและเป็นพิษต่อร่างกาย ดังนั้น จึงควรรับประทานผักใบเขียวภายใน 4 ชั่วโมงหลังแปรรูป โดยเฉพาะในฤดูร้อน” คุณหมอกล่าว

นอกจากนี้ ยังเตือนด้วยว่ามะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มีลักษณะเฉพาะจากความผิดปกติของการย่อยอาหารและถ่ายอุจจาระอย่างต่อเนื่อง เช่น อาการท้องอืด ปวดท้อง เบื่ออาหาร ท้องผูก และอุจจาระเป็นเลือด พร้อมด้วยอาการทางระบบต่างๆ เช่น เหนื่อยล้า น้ำหนักลด และร่างกายอ่อนแอ ดังนั้นเมื่อมีอาการเหล่านี้อย่าวิตกกังวลและรีบไปพบแพทย์ นอกจากการสร้างวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีแล้ว ยังต้องตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อตรวจหาโรคตั้งแต่เนิ่นๆ และรักษาอย่างทันท่วงที

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ