ผัวเมียถือจอบบุกอาละวาดสำนักสงฆ์ ด่าพระ-คนมาปฏิบัติธรรม เหตุเปิดน้ำไหลเข้านา นักข่าวยังเกือบเอาชีวิตไม่รอด
วันนี้ (15 ต.ค. 64) ที่บริเวณสำนักสงฆ์ป่าสุวรรณหงส์ ม.6 บ้านสี่เหลี่ยม ต.ไผ่ อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ชาวบ้านจำนวนหนึ่งได้นำผู้สื่อข่าวดูบริเวณที่เกิดเหตุและขอความเป็นธรรมให้กับพระในวัดด้วย หลังจากเมื่อเวลา 17.30 น. ของวันที่ 14 ต.ค.64 ที่ผ่านมาได้มี นายสายทอง พร้อมภรรยา มีจอบเป็นอาวุธเดินเข้ามาภายในบริเวณวัด ด่าทอพระสงฆ์ด้วยคำที่หยาบคาย และพยายามเข้ามาทำร้ายร่างกายพวกตนขณะจะเข้ามาปฏิบัติธรรมในคืนวันพระ ทำให้พวกตน พร้อมนักข่าวท้องถิ่นคนหนึ่งต้องวิ่งหนีเอาตัวรอดก่อนที่จะเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.อิทธิพล กระจายศรี พนักงานสอบสวน สภ.รัตนบุรี เมื่อคืนทีผ่านมา
ด้านนายบุญเรือง เกสรจันทร์ ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นกล่าวว่าตนเองได้รับทางเหตุทางวิทยุสื่อสาร จาก จนท.ตร.สภ.รัตนบุรี ว่าเกิดเหตุการณ์ขึ้นภายในวัด ด้วยบ้านอยู่ใกล้แถวนั้นจึงเดินทางมาถึงอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อมาถึงก็มาพบกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด ผู้ก่อเหตุพูดจาก้าวร้าว ถามว่ามึงเป็นใคร มาทำไม พยายามที่จะใช้จอบฟาดตนให้ได้ จนตนเองต้องยกมือไหว้เพื่อขอชีวิต หากชาวบ้านและภรรยาของผู้ก่อเหตุไม่ห้ามตนก็อาจจะถูกทำร้ายร่างกายบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้
จากเหตุการณ์ดังกล่าว นางบุญรอด อายุ 65 ปี เล่าว่า ในวันเกิดเหตุตนพร้อม นางสงวน และ นางสมควร ได้เดินทางมาที่วัดเพื่อปฏิบัติธรรมในทุกคืนวันพระตามที่เคยปฏิบัติ ขณะมาถึงได้พบกับนายสายทอง กำลังใช้จอบเปิดทางน้ำให้ไหลออกจากที่นาอยู่ และจู่ๆ นายสายทองก็เดินเข้ามาด่าทอพวกตนว่าเป็นพวกสมรู้ร่วมคิดกับพระ ขณะเดียวกันนั้นเอง ได้มีนายบุญเรือ เกสรจันทร์ ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวท้องถิ่น บ้านอยู่ใก้ลกับวัด ได้ขับรถจักรยานยนต์เข้ามาจอดหน้าวัดตรงที่เกิดเหตุ นายสายทองได้ถามนายบุญเรืองว่า มึงเป็นใคร มาทำไม นายบุญเรืองได้ตอบไปว่าตนเป็นผู้สื่อข่าว ได้รับแจ้งเหตุทางวิทยุสื่อสารว่ามีเหตุทำร้ายร่างกายกันที่วัดจึงรีบมาดู ขณะที่นายสายทอง กลับตอบไปว่ากูนี่แหละผู้ก่อเหตุ ไอ้นักข่าวตัวดีกูจะฆ่ามึงด้วย พร้อมยกจอบจะฟาดนายบุญเรืองก่อนที่ภรรยานายสายทองจะห้ามไว้ ทำให้นายบุญเรืองกับชาวบ้านส่วนหนึ่งต้องวิ่งหลบหนีไปหลบซ่อนเพราะกลัวจะถูกทำร้ายร่างกาย
ขณะที่พระหัสฬาร ปสันโน เจ้าสำนักที่พักสงฆ์ป่าสุวรรณหงส์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าเหตุการณ์เริ่มเกิดเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น.ของวันที่ 14 ต.ค.64 ที่ผ่านมา โดยผู้ก่อเหตุเหตุการณ์ในมือถือจอบได้มายืนตะโกนโวยวาย ด่าทอพระด้วยคำที่หยาบคายมากมาย พร้อมขู่จะฆ่าพระด้วย อาตมาเห็นเหตุการณ์ไม่สู้ดีจึงได้เข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในกุฏิ ขณะที่ชาวบ้านมาเห็นเหตุการณ์จึงได้โทรแจ้ง จนท.ตร. มาช่วยระงับเหตุ ขณะนั้นญาติโยมกลุ่มหนึ่งได้เดินทางเข้ามาเพื่อปฏิบัติธรรม และเป็นช่วงที่คุณบุญเรือง เกสรจันทร์ ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวท้องถิ่น ขับรถ จยย.มาจอดที่หน้ากุฏิพอดี จึงสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ก่อเหตุคิดว่ากลุ่มคนและชาวบ้านมารวมหัวเข้าข้างกัน ก่อนที่ รถของจนท.ตร.จะเปิดไฟกะพริบวิ่ง เข้ามาในวัด ผู้ก่อเหตุเห็นจึงไหวตัวขับรถ จยย.หลบหนีไปก่อน อย่างไรก็ตามหลังเหตุการณ์สงบญาติโยมในหมู่บ้านที่ทราบข่าวต่างเข้ามาสอบถามเรื่องราวและขอให้พระและผู้ถูกข่มขู่ได้เดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.รัตนบุรี ไว้
อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าว นางวีระยา อายุ 59 ปี กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า มีสาเหตุมาจากเรื่องที่นายสายทอง นำดินมาถมเพื่อสร้างถนนไปนา ซึ่งอยู่ในเขตป่าสาธารณประโยชน์ ทำให้น้ำท่วมนาชาวบ้านส่วนหนึ่งเพราะไม่มีทางระบายน้ำไปได้ ชาวบ้านจึงขอให้พระได้ขุดดินเปิดทางน้ำไปที่ของนายสายทอง ทำเป็นทางระบายน้ำพอน้ำได้ไหลไปได้ การขุดดินเปิดทางระบายน้ำนี้อาจทำให้นายสายทอง เกิดความไม่พอใจก็เป็นได้ ที่สำคัญนายสายทอง อาจคิดว่าที่ดินผืนดังกล่าวที่นำดินไปถมทำถนนเข้านาเป็นทีดินของตนเองก็เป็นไปได้ ตนจึงอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ ทั้งอำเภอรัตนบุรี จนท.อบต.ไผ่ ได้เร่งช่วยจัดทำแนวเขตและประกาศให้ชัดเจนเพื่อจะทำให้ไม่เกิดปัญหาอีกต่อไป