ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันใช้ทุกวิถีทางตามกฎหมาย เพื่อยับยั้งไม่ให้เกิดการกระทำความผิดในการชุมนุมวันที่ 7 ส.ค.นี้ พร้อมเตือนผู้ชุมนุมให้คำนึงถึงความเสียหายของประเทศชาติเป็นหลัก
วานนี้ (5 ส.ค.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประชุมร่วมกับตัวแทนตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจสันติบาล เพื่อกำหนดแนวทางการควบคุมการชุมนุมในวันที่ 7 สิงหาคม 2564 ของเครือข่ายเยาวชนปลดแอก และ เครือข่ายอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยเปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 พบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการชุมนุมมากกว่า 2,000 คดี และเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมือง 524 คดี
ดังนั้นในการชุมนุมวันที่ 7 ส.ค.นี้ จึงฝากให้ผู้ชุมนุมคำนึงถึงสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ ที่มีความบอบช้ำจากสถานการณ์โควิด-19 ดังนั้นการเคลื่อนไหวใดๆ ก็ตามที่จะก่อให้เกิความเสียหายกับประเทศชาติและส่วนรวม ตำรวจยืนยันว่าจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อยับยั้งไม่ให้เกิดการกระทำความผิดขึ้น
ทั้งนี้ ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า จากการชุมนุมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนยุทธวิธีไปตามสถานการณ์ โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติตามแผนอย่างเคร่งครัด และยอมรับว่าทุกการชุมนุมที่ผ่านมาหลังมีการประกาศยุติ มักจะมีกลุ่มมวลชนบางส่วนยังรวมตัวกันเพื่อก่อความวุ่นวาย สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน และยังทำร้ายเจ้าหน้าที่โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ซึ่งทุกการสูญเสียเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ต้องการให้เกิดขึ้น
ดังนั้นหากพบการกระทำที่ผิดกฎหมายก็จะต้องดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ในส่วนของแผนปฏิบัติและยุทธวิธีต่างๆ ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ยืนยันว่ามีการจัดเตรียมแผนและกำลังตำรวจจากหลายหน่วยงาน อาทิ ตำรวจนครบาล ตำรวจสันติบาล และตำรวจสอบสวนกลาง มาสนับสนุนในการปฏิบัติภารกิจ และจะพยายามควบคุมไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่ายที่นัดรวมตัวในวันเดียวกัน เกิดการเผชิญหน้ากันและนำไปสู่ความรุนแรง
นอกจากนี้ ยังสั่งเฝ้าจับตาแกนนำและแนวร่วมราษฎรที่มีคดีค้างเก่าเป็นพิเศษ หากพบความผิดจะดำเนินคดีเพิ่มเติมในภายหลังไม่ช้าก็เร็ว อีกทั้งยังมอบให้ทีมโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสานกับตัวแทนองค์กรสื่อ เพื่อกำหนดสัญลักษณ์และพื้นที่ปลอดภัย Safe Zone อำนวยความสะดวกให้กับสื่อมวลชนในการทำงานภาคสนาม