ผจก.ฟาร์มเผย เหตุหมูแพง ทำวงจรผลิตหมูลด ฟาร์มไม่กล้าเสี่ยงซื้อแม่พันธุ์

Home » ผจก.ฟาร์มเผย เหตุหมูแพง ทำวงจรผลิตหมูลด ฟาร์มไม่กล้าเสี่ยงซื้อแม่พันธุ์


ผจก.ฟาร์มเผย เหตุหมูแพง ทำวงจรผลิตหมูลด ฟาร์มไม่กล้าเสี่ยงซื้อแม่พันธุ์

ผู้จัดการสุรัตน์ฟาร์มเผย กรณีราคาหมูแพงนั้น เพราะโรค ASF ทำวงจรผลิตหมูลด ฟาร์มไม่กล้าเสี่ยงซื้อแม่พันธุ์

วันที่ 9 ม.ค. 65 น.ส.เพ็ญนภา เศษคง อายุ 49 ปี ผู้จัดการสุรัตน์ฟาร์ม เปิดเผยว่า กรณีราคาหมูแพงนั้น มาจากปัญหาหมูเป็นโรคแอฟริกันสไวน์ฟีเวอร์ (ASF) หรืออหิวาห์สุกร ซึ่งทำให้หลาย ๆ ฟาร์ม ไม่กล้าสั่งแม่พันธุ์จากบริษัทใหญ่ ๆ เข้ามา เพราะเกรงว่าจะมีโรคติดมาด้วย นำเชื้อมาแพร่ต่อในฟาร์มหมู และหากหมูในฟาร์มติดเชื้อโรคแล้ว จะต้องทำลายหมูทิ้งทั้งหมดในรัศมี 1-3 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องเสี่ยงพอสมควร และเชื่อว่าทุกฟาร์มจะไม่มีใครกล้าเสี่ยงจะซื้อแม่พันธุ์หมูเข้ามาแน่นอนในช่วงนี้

โดยสุรัตน์ฟาร์ม เป็นฟาร์มหมูฟาร์มหนึ่งที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดตราด ปัจจุบันมีแม่พันธุ์ พ่อพันธุ์ และลูกหมู ไม่ต่ำกว่า 2,000 ตัว ส่งหมูขายในอำเภอบ่อไร่และอำเภอใกล้เคียงทุกวัน แต่เมื่อมีการระบาดของโรค ทำให้ฟาร์มไม่สามารถสั่งซื้อพ่อพันธุ์แม่พันธุ์เข้ามาได้ ทำให้วงจรการผลิตลูกหมูไม่สามารถทำได้ตามปกติ

จากเดิมที่ฟาร์มมีแม่พันธุ์จำนวน 350 ตัว แม่พันธุ์ 1 ตัว จะผลิตลูกหมูประมาณ 10-12 ตัว และลูก 1 ตัว จะต้องขุนประมาณ 1 ปี จึงจะขายออกสู่ตลาดได้ ส่วนแม่พันธุ์ 1 ตัว เลี้ยงเป็นแม่พันธุ์ประมาณ 10 ปี จึงลดระวาง และจะซื้อแม่พันธุ์จากบริษัทในราคา 9,800 บาท มาแทนที่ ซึ่งสุรัตน์ฟาร์ม ดำเนินกิจการแบบนี้มานานกว่า 30 ปี แล้ว

และเมื่อประมาณปี 2563 เริ่มเกิดโรคระบาด ทำให้ฟาร์มตัดสินใจไม่ซื้อพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์เข้ามาอีกจนถึงปัจจุบัน เพราะกลัวปัญหาโรคที่ติดมาจากพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ ขณะที่ราคาพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ ราคาพุ่งสูงขึ้นจากเดิมเป็น 12,000-15,000 บาท ทำให้ฟาร์มเหลือแม่พันธุ์เพียง 250 ตัวเท่านั้น เพราะ 100 ตัว ที่หายไป ต้องลดระวางเพราะไม่สามารถผลิตลูกได้แล้ว ทำให้ยอดการผลิตลูกหมูนั้นลดลงน้อย แต่ความต้องการยังคงเดิม

ส่วนการแก้ปัญหาในตอนนี้ คือ ดึงแม่พันธุ์ที่ปลดระวางไปแล้ว มาผสมพันธุ์แทนไปก่อน แต่การผลิตลูกหมูจะทำได้เพียง 8-10 ตัวเท่านั้น และยอมรับว่าตอนหมูขาดแคลน เพราะหมูโตไม่ทัน กำลังผลิตลดน้อยลง จนส่งผลให้ราคาหมูหน้าฟาร์มราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 100-105 บาท แพงกว่าเดิมถึง 30-40 บาท และเมื่อหมูไปอยู่บนเขียงราคาก็จะสูงขึ้นไปอีกประมาณ 200-250 บาท เพิ่มขึ้นกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์

นางสาวเพ็ญนภา กล่าวต่อว่า มีความกังวลเป็นอย่างมากที่ในอนาคตจะขาดแคลนแม่พันธุ์ เพราะปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคแอฟริกันสไวน์ฟีเวอร์ (ASF) และไม่มีแนวโน้มที่โรคนี้จะหายไป แม้ว่าการเพาะลูกของฟาร์มจะสามารถเพาะเองได้โดยไม่ต้องใช้แม่พันธุ์ แต่หมูจะไม่ได้คุณภาพเท่านั้น

ส่วนการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลที่ห้ามส่งออกหมูไปยังต่างประเทศนั้น นางสาวเพ็ญนภา กล่าวว่า ไม่สามารถแก้ไขได้จริง เพราะปัญหาหลัก คือ หลาย ๆ ฟาร์มไม่กล้าซื้อพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ เข้าฟาร์ม เพราะกลัวเรื่องโรคระบาด ที่อาจจะทำให้หมูในฟาร์มติดเชื้อจากพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ ที่สั่งซื้อเข้ามา เว้นแต่ว่าโรคระบาดจะหายไป จะทำให้สถานการณ์นั้นดีขึ้น

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ