ป.ป.ส. เผย 10ปีไม่พบ ขับรถกินใบกระท่อม เกิดอุบัติเหตุ เตือนดาราไลฟ์สด ทำให้คนเลียนแบบ ย้ำไลฟ์สดขับรถ ประมาท ขอให้สังคมช่วยกันดูแลสอดส่อง
วันที่ 1 ก.พ.2565 นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า นโยบายการนำพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษนั้น เพื่อต้องการส่งเสริม สนับสนุนให้ประชาชนสามารถปลูกและบริโภคกระท่อมตามวิถีชาวบ้าน รวมทั้งยังซื้อหรือขายใบกระท่อมโดยไม่ผิดกฎหมาย แต่หากมีการนำไปผสมยาเสพติดอื่นๆ เช่น “สี่คูณร้อย” ซึ่งเป็นสารเสพติดที่เกิดจากการนำยาน้ำแก้ไอมาผสมกับใบกระท่อม ยังถือว่าเป็นความผิดตามกฎหมาย
นายวิชัย กล่าวว่า โดยรมว.ยุติธรรมเน้นย้ำการใช้ประโยชน์ดังกล่าว จึงผลักดันให้กระท่อมไม่เป็นยาเสพติด เพื่อประชาชนจะได้ใช้ประโยชน์ ทั้งด้านการแพทย์และเศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนและประเทศ ทั้งนี้จากข้อมูลของกองควบคุมวัตถุเสพติด อย. ระบุว่า อาการหลังเคี้ยวใบกระท่อม 5-10 นาที จะกระปรี้กระเปร่า ไม่หิว กดความรู้สึกเมื่อยล้า สามารถทำงานได้นาน และทนแดดมากขึ้น ถ้ากินใบกระท่อมมากๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจจะมีผลต่อสุขภาพ
ทั้งนี้ในส่วน กรณีดารา ดีเจ ที่ไลฟ์สดผ่านโซเชียล ปรากฏเป็นคลิปดังกล่าว นั้น นายวิชับ กล่าวว่า การเกิดอุบัติเหตุนั้นส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการแสดงออกจากความคึกคะนอง ความประมาท ตอนที่ยกร่าง พ.ร.บ.ที่จะปลดล็อกพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษประเภท 5 นั้น
สำนักงาน ป.ป.ส. ได้มีหนังสือสอบถามไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (หรือ คปภ.) และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ถึงสถิติหรือข้อมูลอุบัติเหตุ ที่เกิดจากการเสพ/ใช้กระท่อม ก็ได้รับคำตอบจากทั้ง 3 หน่วยงานดังกล่าวว่า ในรอบ 10 ปี ยังไม่มีอุบัติเหตุจากการขับขี่ยานพาหนะที่เกิดจากการใช้กระท่อมเลย จึงเชื่อว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับดารา/ดีเจ คนดังในขณะที่กำลังไลฟ์สด น่าจะเกิดจากความประมาทมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ขอฝากไว้เนื่องจากขณะไลฟ์สดเป็นช่วงขณะขับรถ ขอให้คำนึงถึงอุบัติเหตุ เพราะการขับรถโดยประมาทอาจทำให้ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อน และอาจก่อให้เกิดพฤติกรรม การลอกเลียนแบบ พร้อมฝากความห่วงใยขอให้สังคมช่วยกันดูแลสอดส่อง
และขอให้เข้าใจถึงแนวทาง การปรับนโยบายกระท่อมเพื่อประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติ ไม่ให้เกิดการนำมาใช้ในลักษณะ ผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งขณะนี้ สภาฯ กำลังพิจารณา พ.ร.บ. พืชกระท่อม พ.ศ….เพื่อจะควบคุมไม่ให้เด็กและเยาวชนนำไปใช้ในทางที่ผิด