ป้าสุดช้ำ โดนทนายตุ๋นวิ่งคดีให้ลูกชาย เดือดโทรหาเปิดลำโพงคุยต่อหน้าศาล สูญเงินค่าไถ่โฉนดบ้าน กำลังไร้ที่ซุกหัวนอน สภาทนายความ จ.ตรัง สั่งสอบ
วันที่ 27 ม.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางพวง คงพูล อายุ 65 ปี ชาวบ้านหมู่ 1 ต.เขากอบ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เดินทางเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชน หลังจาก นายสมใจ คงพูล หรือทอย อายุ 39 ปี ถูกตำรวจจับกุมยาบ้า 165 เม็ด จากนั้นได้มี นายเอ (นามสมมติ) ทนายความ ในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี เข้ามาเป็นทนายความในคดีให้ พร้อมรับปากว่าจะช่วยให้ลูกชายไม่ต้องถูกจำคุก โดยเรียกร้องเงิน 250,000 บาท แต่ปรากฏว่า นายเอ ไม่ได้ดำเนินการว่าความ ทำให้ลูกชายถูกจำคุก ตนจึงเรียกร้องขอเงินจำนวนดังกล่าวคืน เนื่องจากเป็นเงินเก็บสะสม ที่เตรียมจะนำไปไถ่โฉนดที่ดินคืนหลังไปจำนองไว้ก่อนหน้า แต่ นายเอ กลับไม่คืนให้ และประวิงเวลาอยู่จนถึงปัจจุบัน
ขณะเดียวกันวันนี้ ทางสภาทนายความ จ.ตรัง ได้เรียก นางพวง มาพบเพื่อสอบข้อเท็จจริง โดยมี ดร.สฤษดิ์ ธัญกิจจานุกิจ เป็นประธานกรรมการ นายสารา สุดรักษ์ และนายอนนท์ ตรังคอภิรักษ์ เป็นกรรมการ หลังจากที่ทนายความแห่งประเทศไทย ได้มีคำสั่งให้กรรมการทั้ง 3 ท่านดำเนินการสอบทั้งฝ่ายผู้ร้องและฝ่ายทนาย เพื่อดำเนินการสอบจริยธรรมมารยาทของทนายความคนดังกล่าว ซึ่งในวันนี้ทางทนายรายดังกล่าวอ้างว่าไม่สวามารถมาพบได้ และหลังจากนี้ทางสภาทนายความ จ.ตรัง จะดำเนินการส่งเรื่องกลับไปยังสภาทนายความส่วนกลางอีกครั้งเพื่อพิจารณาตามขบวนการต่อไป
นางพวง กล่าวว่า ลูกชายตนถูกจับคดียาเสพติด เมื่อเดือน พ.ย.62 ตอนนั้นตนตั้งใจจะไม่ประกันตัว และไม่จ้างทนายความ แต่นายธวัช ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ได้แนะนำทนายคนดังกล่าวให้ลูกชายตนรู้จัก ขณะนั้นตนก็ได้ปรึกษากับทนายคนอื่น โดยที่ทนายคนอื่นบอกว่าอย่าจ้างเลย จ้างไปก็ไม่สามารถหลุดคดีได้ ตนจึงได้บอกกับลูกชายว่าอย่าจ้างเลย เพราะหลักฐานก็อยู่ที่มือลูกชายแล้ว แต่ทางทนายความคนดังกล่าวกลับได้บอกลูกชายไว้ว่าจะทำให้หลุดรอดคดีมาได้ โดยเรียกค่าทนายความ 400,000 บาท ตนจึงต่อรองจนเหลือ 350,000 บาท และจ่ายไปก่อนแล้ว 250,000 บาท
นางพวง กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ตัดสินใจเลือกทนายคนนี้ ด้วยความรักลูกจึงตัดสินใจให้ทำคดี เพราะเขายืนยันว่าจะสามารถทำให้ลูกชายหลุดคดีนี้ให้ได้ โดยมีการจ่ายค่าทนายทีละก้อน ครั้งแรกที่ศาลนัด ทางทนายก็ได้ให้ลูกชายปฏิเสธ โดยทางทนายก็ไปด้วยตามปกติ ครั้งที่สองศาลนัดอีก ทนายก็ยังไป แต่ครั้งที่ 3 ศาลจะตัดสินคดี ทนายกลับไม่ไปตามนัด ตอนอยู่ในบัลลังก์ตนก็ได้โทรหาทนาย แต่ทนายได้ส่งเลขาให้ผลัดนัดศาลอีก
ซึ่งตอนที่โทรหาทนายตนได้เปิดลำโพงให้ผู้พิพากษาฟัง ตอนนั้นตนรู้สึกโมโหมาก จึงได้ต่อว่าทนายว่า “มึงจะเก่งกว่าศาลได้อย่างไร ในเมื่อศาลตัดสินวันนี้ยังจะผลัดนัดศาล เลื่อนนัดอีก มึงเก่งขนาดไหนกัน” หลังจากนั้นได้มีทนายอาสาคนหนึ่ง มาพร้อมกับอัยการมากอดหลังลูกชายตนแล้วบอกกับลูกชายว่า รับสารภาพเถอะ ถ้ารับเขาจะตัดสินโทษเพียง 2- 3 ปี แต่ถ้ายังปฏิเสธลูกก็ต้องรับโทษถึง 7 ปี ตนจึงบอกให้ลูกรับ ลูกชายจึงรับสารภาพไป ศาลจึงสั่งตัดสินจำคุก 3 ปี 3 เดือน
นางพวง กล่าวต่อว่า ตอนนี้ลูกชายก็ไปอยู่ในเรือนจำตรังแล้ว และตนเสียเงินให้ทนายไปแล้ว 250,000 บาท เงินส่วนนี้เป็นเงินเก็บส่วนตัว ที่เก็บสะสมไว้เพื่อไปไถ่โฉนดที่ดินบ้านคืน หลังจากที่เคยไปจำนองไว้ ที่สหกรณ์การเกษตรแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ตนก็ไม่มีเงินที่จะไปไถ่บ้านที่กำลังจะขายทอดตลาดกลับมา เพราะเงินสะสมได้ไปอยู่ที่ทนายหมดแล้ว แถมลูกยังต้องมาติดคุก แต่ผลออกมาเช่นนี้ ตอนนี้เจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะนำบ้านไปขายทอดตลาดแล้ว แต่ตนได้แต่ขอวิงวอนขอให้หยุดดำเนินการไว้ก่อน ตนขอเวลาเรียกเงินจากทนายคืนมาก่อน ในเมื่อทนายไม่ได้ทำงานให้ตน เขาก็ต้องจ่ายเงินคืนมา
ตนต้องการความยุติธรรมแค่นี้ ดินผืนนี้ บ้านหลังนี้ที่ตนกำลังจะเสียไป เป็นผืนสุดท้ายของชีวิต ถ้าไม่ได้เงินส่วนนี้คืน ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว ตอนนี้ก็ขอเรียกเงินเป็น 300,000 บาทจากทนาย เพราะตนก็ต้องเสียดอกเบี้ย ตนก็รู้สึกอยากท้อ แต่กำลังใจของตนคือการจะเอาที่อยู่นี้คืนไว้ก่อนเพื่อลูก หากเขาจะบอกว่าตนโกงตนก็ไม่ว่าอะไร เพราะตนมีหลักฐานพร้อม สาเหตุที่ตนมาร้องกับสื่อนั้นเพราะอยากขอความเป็นธรรม ไม่อยากให้คดีนี้หยุดแค่นี้ ให้รู้ว่าคนแก่คนนี้ไม่ใช่ควายที่จะปล่อยให้หลอกลวง แถมตอนนี้ทางลูกสะใภ้ ซึ่งเป็นภรรยาของลูกชาย หลังจากที่ลูกชายติดคุกก็ได้ทิ้งลูก 2 คนไว้ให้ตนดูแล