จากกรณีที่มีพลเมืองดี โพสต์คลิปเหตุการณ์ขณะที่สาวใหญ่รายหนึ่งนำศพมาทิ้งริมน้ำ โดยเธอเล่าว่า เหตุเกิดที่ หนองปลิง หมู่1 ซอย 16 เพื่อนเจอและได้ช่วยกันจับตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้ โหดมากนะ น่ากลัวมากใจคนสมัยนี้กำลังทำงานเห้นผู้หญิงคนนี้ขับรถผ่าน ผิดสังเกตุเห็นเอาคนพาดหน้ารถมอไชต์มา ขาลากถนนหัวแตก เราเลยร้องเรียกว่าขาลากๆ คิดว่าเป็นลูกหลานเขาเกิดอุบัติเหตุแล้วพากลับบ้าน มันตอบมา ไม่มีไร ลูกชายแฟนเอะใจเลย ผิดปกติ เลยขับตาม สรุปมันเอาเขามาโยนทิ้งน้ำ ช่วยไว้ไม่ทัน เลยต้องพากันจับตัวไว้ให้เจ้าหน้าที่ เห็นต่อตาตกใจมาก (ชมคลิป คลิ๊ก)
ส่วนการสอบปากคำ น.ส.อริญาทิตย์ฐา ให้การกับตำรวจว่า เพิ่งจะก่อเหตุฆ่า น.ส.บุญชู อายุ 47 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน เช่าห้องแถวอยู่ติดกัน จนเสียชีวิต พร้อมกับอ้างว่า เนื่องจาก ถูก น.ส.บุญชู ด่าทออย่างหยาบคายเสียหาย และจะถือของแข็งเข้ามาทำร้าย จึงได้ใช้ด้ามเหล็กสำหรับวางฐานร่ม กระหน่ำตีใส่หัวผู้ตายเพื่อเป็นการป้องกันตัว ก่อนจะนำศพของผู้ตายไปห่อผ้าอำพราง แล้วนำมาวางพาดไว้บนหน้ารถจักรยานยนต์ ขี่พามาทิ้งสระน้ำ ซึ่งอยู่ห่างจากห้องเช่าไปประมาณ 3 กิโลเมตร เพื่อทำลายหลักฐาน
ต่อมา พ.ต.อ.วิริยะบัณฑิตย์ สถิตย์สุชาติ ผกก.สภ.หนองปลิง ที่ได้รับแจ้งเรื่องราวดังกล่าว จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่า มีกลุ่มพลเมืองดีกำลังควบคุมตัว น.ส.อริญาทิตย์ฐา อายุ 38 ปี พร้อมรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 125 สีดำ รอส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวไปสอบสวน ซึ่งถูกระบุว่า พบเห็นหญิงสาวรายนี้ นำศพผู้เสียชีวิตที่ห่อผ้าอำพราง มาโยนทิ้งไว้ภายในสระน้ำ และกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์จะหลบหนี จึงได้ร่วมกับพลเมืองดีคนอื่นๆ ติดตามไล่สกัดจับกันจนทันก่อนจะควบคุมตัวเอาไว้ได้
เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานนักประดาน้ำจากหน่วยกู้ภัยมาทำการงมค้นหาร่างของคนได้ก่อนจะนำขึ้นฝั่งมาให้แพทย์เวรโรงพยาบาลชันสูตรตรวจสอบสภาพศพ ซึ่งพบว่า มีร่องรอยการถูกทำร้ายที่ศีรษะ โดยถูกตีอย่างรุนแรงด้วยของแข็ง ทางตำรวจจึงได้ให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างของผู้เสียชีวิต ส่งไปตรวจพิสูจน์ยังโรงพยาบาลอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะนำตัวผู้ก่อเหตุไปตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุที่บริเวณห้องเช่าที่ทั้งผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิตพักอาศัยอยู่ พบว่ามีกองเลือด และรอยหยดเลือดไหลเป็นทางยาวตั้งแต่บริเวณหน้าห้องไปจนถึงถนน รวมถึงสามารถยึดของกลาง ด้ามเหล็กสำหรับวางฐานร่ม ที่ใช้ก่อเหตุได้ในที่กิดเหตุด้วย
จากการสอบถามพลเมืองดี ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ คือ นายสมยศ อายุ 53 ปี อาชีพขับรถบรรทุก ให้การว่า ขณะกำลังขับรถออกไปทำงาน ได้บังเอิญมาพบเห็น น.ส.อริญาทิตย์ฐา ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาจอดที่ข้างสระน้ำ และพบเห็นว่า กำลังลากร่างของหญิงสาว ที่มีรอยเลือดอยู่ที่หัว นำพาลงจากรถ ก่อนจะลากร่างไปที่ริมสระ แล้วใช้เท้าถีบให้ร่างร่วงลงไป จากนั้น ก็รีบขี่รถจักรยานยนต์ออกจากสระน้ำไปอย่างมีพิรุธ จึงได้ขับรถไล่ตาม พร้อมกับตะโกนแจ้งชาวบ้านตามรายทาง ให้ช่วยกันขี่รถตามไล่สกัดจับตัวเอาไว้ได้ทัน
ด้านนายชัยรัตน์ อายุ 62 ปี สามีของ น.ส.อริญาทิตย์ฐา ผู้ก่อเหตุ ให้การระบุว่า ตอนเกิดเหตุ ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เพราะเพิ่งกลับมาจากทำงานขับรถตู้ และเมื่อกลับมาถึงห้องพัก ก็ทราบข่าวว่า น.ส.บุญชู ถูกฆ่าตาย แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใครฆ่า กว่าจะรู้ ก็เมื่อมีตำรวจจับตัวภรรยามาที่ห้อง เพื่อชี้จุดก่อเหตุ จึงทำให้ตกใจหนัก เพราะคิดไม่ถึงว่า ฆาตกรจะเป็นภรรยาของตนเอง
เมื่อถามถึงภรรยา นายชัยรัตน์ ระบุว่า เขามีการเข้าพบแพทย์เพื่อรักษาทางจิตเวชมานานหลายปีแล้ว ซึ่งก็ต้องกินยาควบคุมอาการอยู่ตลอด แต่ก็ไม่หายขาดเสียที อีกทั้ง ช่วงหลังๆ มักจะมีอาการหนัก ถึงขั้นคอยหึงจับผิดตน และคนอื่นๆ รวมถึง น.ส.บุญชู เพื่อนข้างห้อง ก็มักจะโดนภรรยาตน ไปด่าหาเรื่องอยู่หลายครั้ง โดยกล่าวหาว่าจะมาแย่งตนไปเป็นสามี จึงทำให้เพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ เพราะเขากลัวกันหมด
เช่นเดียวกันกับ น.ส.ปิยดา อายุ 23 ปี ซึ่งเป็นญาติของผู้ก่อเหตุ ก็ให้การไปในทำนองเดียวกันว่า น.ส.อริญาทิตย์ฐา มักจะนั่งด่าอยู่คนเดียวเป็นประจำทุกวันที่หน้าห้องของตนเอง อีกทั้ง ยังคอยจับผิดคนอื่นไปทั่ว โดยเฉพาะไม่ว่า สามีของ น.ส.อริญาทิตย์ฐา จะยืนพูดคุยกับใคร ก็จะถูกด่าหาเรื่อง หาว่าจะไปแย่งผัวเขา จนหลายคนขยาดไม่กล้าเข้าใกล้ ส่วนที่เขาเป็นแบบนี้ เพราะเขามีอาการทางจิตเวช จากการเคยติดยาเสพติดมานานหลายปี แต่ที่ผ่านมา ก็ไม่เคยเห็น น.ส.อริญาทิตย์ฐา ไปก่อเหตุใช้ความรุนแรงกับใคร มีแต่แค่เห็นว่าชอบด่าแหลก ด่าบรรลัยไฟลุก เพียงเท่านั้น จนกระทั่งมาวันนี้ หลายๆ คนต่างก็ไม่คิดไม่ฝันว่า น.ส.อริญาทิตย์ฐา จะมาเป็นฆาตกร ลงมือทำร้าย น.ส.บุญชู จนตาย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ น.ส.อริญาทิตย์ฐา ยังอยู่ในการควบคุมของตำรวจ เพื่อสอบปากคำอย่างละเอียดในการทำสำนวนคดี แต่ก็ได้มีการแจ้งข้อหาฆ่าคนตายไว้ก่อน 1 กระทงแล้ว ส่วนข้อหาอื่นๆ จะมีตามมาในภายหลังจากสอบปากคำเสร็จสิ้นก่อนจะนำตัวไปส่งไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป