ปูติน เตือนโลกกำลังเผชิญทศวรรษที่อันตรายที่สุด ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง
วันที่ 27 ต.ค. บีบีซี รายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เตือนว่า โลกกำลังเผชิญกับทศวรรษที่ “อาจอันตรายที่สุด” ตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอ และกล่าวหาฝ่ายตะวันตกขู่กระโชกรัสเซียด้วยนิวเคลียร์ (nuclear blackmail) เพื่อบีบให้พันธมิตรหันเหออกจากรัสเซีย
ประธานาธิบดีปูตินกล่าวปราศรัยในเวทีการประชุมวัลไดประจำปีในกรุงมอสโกว่า “เราไม่เคยพูดเชิงรุกเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซีย เราตอบกลับด้วยการบอกเป็นนัยต่อความคิดเห็นที่ผู้นำของประเทศตะวันตกโพล่งออกมาเท่านั้น” แม้ว่า 1 วันก่อนหน้า นายปูตินดูการซ้อมรบนิวเคลียร์ตามปกติเกี่ยวข้องการโจมตีด้วยนิวเคลียร์เพื่อตอบโต้การโจมตีด้วยนิวเคลียร์ครั้งใหญ่ของศัตรู
ประธานาธิบดีปูตินยังกล่าวโจมตีนางลิซ ทรัสส์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษที่กล่าวในช่วงการหาเสียงเลือกผู้นำเมื่อเดือนส.ค.ว่า เธอจะกดปุ่มนิวเคลียร์หากสถานการณ์บีบให้เธอทำเช่นนั้น นายปูตินบอกว่า ตนแปลกใจที่พันธมิตรของอังกฤษไม่คัดค้าน และตั้งคำถามว่า “เราจะทำอย่างไรดี? เงียบ? แสร้งว่าเราไม่ได้ยิน?”
อย่างไรก็ตาม นายปูตินเตือนตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า รัสเซียจะใช้ทุกวิถีทางที่มีเพื่อปกป้องตัวเอง ในสิ่งที่หลายฝ่ายเห็นเป็นภัยคุกคามทางนิวเคลียร์อย่างชัดเจน และกล่าวโจมตีตะวันตกของตัวเองครั้งล่าสุดและสิ่งที่นายปูตินระบุว่า การปฏิเสธอธิปไตยและเอกลักษณ์ของประเทศอื่นๆ เป็น “เกมสกปรก นองเลือด และอันตราย” และยืนยันว่า “การครอบงำอย่างไม่มีการแบ่งแยก” ของฝ่ายตะวันตกในกิจการโลกตอนนี้ใกล้ถึงจุดสิ้นสุด
“เราอยู่ในเขตแดนประวัติศาสตร์ (historical frontier) ข้างหน้าอาจเป็นทศวรรษที่อันตรายที่สุดและไม่สามารถคาดเดาได้ และในเวลาเดียวกัน เป็นทศวรรษที่สำคัญที่สุดตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ฝ่ายตะวันตกไม่สามารถรับผิดชอบได้อีกต่อไปแต่พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะทำเช่นนั้น ระเบียบโลกในอนาคตกำลังก่อตัวต่อหน้าต่อตาเรา” นายปูตินกล่าวและกล่าวหาฝ่ายตะวันตกที่สหรัฐเป็นแกนนำพยายามทำลายรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานสนับสนุนข้ออ้างของนายปูติน
การกล่าวปราศรัยครั้งล่าสุดของนายปูตินมีขึ้นเพื่อพยายามพิสูจน์ว่า การรุกรานยูเครนเป็นความถูกต้องและสมเหตุสมผล แม้จะทำให้รัสเซียต้องโดดเดี่ยวในระดับโลก หลังการพ่ายแพ้ทางทหารในยูเครนหลายครั้ง และความไม่พอใจของสาธารณชนในประเทศที่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากคำสั่งระดมพลทหารพลเมืองรัสเซียราว 300,000 คนสำหรับการทำสงครามในยูเครน
ก่อนหน้านี้ นายเย็นส์ สต็อลเตินบาร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) กล่าวว่า สมาชิกของนาโตปฏิเสธข้อกล่าวหาของรัสเซียที่ว่ายูเครนอาจใช้ “เดอร์ตีบอมบ์” ระเบิดธรรมดาแต่เจือด้วยวัสดุกัมมันตรังสี และว่ารัสเซียต้องไม่ใช้ข้ออ้างดังกล่าวเพื่อยกระดับสำหรับการขยายขอบเขตของการทำสงครามในยูเครน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ปูตินดูภารกิจ “ซ้อมรบนิวเคลียร์” ครั้งแรกหลังรุกยูเครน-โชว์ยิงมิสไซล์ข้ามทวีป
ตะวันตกชี้ รัสเซีย หาความชอบธรรม หลังอ้างยูเครนจะใช้ “เดอร์ตีบอมบ์”