ปูตินไฟเขียว! เปิดทางยูเอ็นตรวจสอบ “โรงนุกซาโปริฌเฌีย” หลังถูกโจมตีหนัก
ปูตินไฟเขียว! – บีบีซี รายงานวันที่ 20 ส.ค. ถึงสถานการณ์ความไม่สงบที่ยังยืดเยื้อในยูเครนว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวว่าจะอนุญาตให้เจ้าหน้าที่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ที่ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริฌเฌีย โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป
ท่ามกลางความหวาดวิตกถึงอันตรายจากกัมมันตรังสีรั่วไหล ภายหลังมีการโจมตีโรงไฟฟ้าดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยฝ่ายรัสเซียกล่าวหาว่าเป็นฝีมือของยูเครน ขณะที่ยูเครนกล่าวโทษว่ารัสเซียซึ่งนำกำลังบุกยึดเมืองซาโปริฌเฌีย ใช้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้เป็นฐานทัพ
ทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียระบุว่า นายปูตินหารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส โดยทั้งสองผู้นำเห็นตรงกันถึงความสำคัญในการส่งคณะผู้เชี่ยวชาญจากทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) ไปยังโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริฌเฌียเพื่อตรวจสอบ
ด้าน นายราฟาเอล กรอสซี ผู้อำนวยการใหญ่ไอเออีเอ แถลงยินดีต่อการตัดสินใจของนายปูตินและว่าพร้อมจะนำคณะเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบด้วยตัวเอง “ในสถานการณ์ที่ผันผวนและเปราะบางขนาดนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องไม่มีการโจมตีครั้งใหม่ที่อาจเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยและความมั่นคงของหนึ่งในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก” นายกรอสซีย้ำ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากนายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ร่วมการประชุมกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน และประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป เอร์โดอัน ผู้นำตุรเคีย ที่เมืองลวิว ทางตะวันตกของยูเครน เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา ถึงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริฌเฌีย
ขณะที่ผู้แทนรัสเซียประจำสหประชาชาติยื่นเอกสารต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) เพื่อชี้แจงกรณีที่โรงไฟฟ้าซาโปริฌเฌีย โดยกล่าวหาว่าทางการยูเครนวางแผนโจมตีโรงไฟฟ้า ยูเครนต้องการก่อปัญหาที่เชื่อว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย รวมถึงการรั่วไหลของกัมมันตรังสีเพื่อให้รัสเซียถูกครหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายนิวเคลียร์
วันเดียวกัน เอเอฟพีรายงานว่า บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (เอสแอนด์พี) ประกาศเพิ่มอันดับเครดิตหนี้ต่างประเทศของยูเครนเป็น CCC+ หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมายูเครนได้รับการบรรเทาหนี้ต่างประเทศจากเจ้าหนี้เป็นเวลาสองปี นอกจากนี้เอสแอนด์พียังเชื่อว่าประเทศยักษ์ใหญ่ที่เป็นผู้บริจาค ทั้งสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป (อียู) จะเดินหน้าสนับสนุนเงินทุนให้ยูเครนอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ถึงอย่างนั้นเอสแอนด์พีเตือนว่าจากความขัดแย้งกับรัสเซียที่ยังยืดเยื้อเข้าสู่เดือนที่หก ความสามารถของยูเครนในการคงสถานะหนี้ในปัจจุบันนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนใหญ่ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของรัฐบาล และคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของประเทศจะลดลงถึงร้อยละ 40 ในปีนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เมินคำขอ! รัสเซีย ไม่ถอนทัพออกจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ยูเครน
- แฉรัสเซียใช้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ยูเครน “เป็นคลังแสง” อียูจ่อคว่ำบาตรเพิ่ม
- รัสเซียถล่มโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ “ใหญ่สุด” ในยุโรป เตือนหายนะหนักกว่าเชอร์โนบิล (คลิป)