ปุ๊ย คืนสิทธิ์ เล่าเส้นทางรัก คบหามานานถึง 10 ปี พร้อมเคลียร์ประเด็นพิธีกรตกอับ
อดีตพิธีกรรายการดัง ปุ๊ย คืนสิทธิ์ เปิดตัวรักครั้งใหม่ น้องอนิล เปิดเส้นทางรัก หลังคบหามานานกว่า 10 ปี พร้อมคลียร์ข่าวถูกเม้าธ์เป็นพิธีกรตกอับหลังออกจากรายการดังและจากกันด้วยไม่ดี ทั้งยังเล่าถึงเรื่องความเชื่อที่เชื่อมโยงกับ แม่ผึ้ง-พุ่มพวง ดวงจันทร์
ดาราพิธีกรตกอับ?
ปุ๊ย : ผมเองก็เห็นอยู่นะตามเพจต่างๆ มีเพื่อนส่งให้เราบ้าง ส่วนใหญ่ที่เข้าไปดูไม่มีอะไร แค่จั่วหัวว่าพิธีกรตกอับ ความเป็นจริงก็คือตั้งแต่ช่วงโควิดแล้วที่ผมย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด หนีโควิดไปอยู่บ้านอนิล ยังทำงานเบื้องหลังอยู่ เบื้องหลังซะส่วนใหญ่ กึ่งๆ โปรดิวเซอร์ ถ้ามีถ่ายทำก็มาในกรุงเทพฯ แต่ถ้าไม่มีถ่ายก็ดูเป็นออนไลน์ได้
ไปอยู่กำแพงเพชรหนีโควิดหรอไปทำงานที่นั่น?
ปุ๊ย : หนีโควิดอันดับแรกเลย ผมก็มีโรคประจำตัวนิดๆ หน่อยๆ ไม่อยากเสี่ยงในช่วงที่มันแรงมากๆ ประกอบกับแฟนเขาอยากไปดูแลคุณยายที่อยู่ที่โน่นด้วย ทีแรกคิดว่าไปอยู่สัก 1-2 เดือน ไปแล้วมันก็เพลินๆ ดี ตอนนี้ประมาณ 3 ปีแล้ว
อยากกลับมาอยู่หน้าจอมั้ย?
ปุ๊ย : ถ้าเป็นงานที่เราอยากทำจริงๆ ก็คิดว่าอยากกลับมาเหมือนกัน ไม่ซีเรียสที่ต้องยึดติดว่าเราจะเป็นพิธีกรตลอดไป จริงๆ ถนัดทำงานเบื้องหลังมากกว่า เพราะตัวเราเองก็โตมาจากงานเบื้องหลัง เป็นงานครีเอทีฟซะมากกว่า งานพิธีกรมีคนทำได้ดีกว่าเราเยอะแยะ แต่งานประเภทคิดเราถนัดมากกว่า ทำเบื้อองหลังมีเวลาคิด
คบกันมานานเท่าไหร่แล้ว?
อนิล : 6 ปีค่ะ แต่ว่ารู้จักกันประมาณ 10 ปี รู้จักกัน หนูไปร้องเพลงที่ดันดารา ไปออดิชั่น เจอครั้งแรกก็ยังไม่ได้คุยกันมาก เพียงแต่มองเขาแล้วทำไมผู้ชายคนนี้ดูอบอุ่นจังเลย แต่ตอนนั้นเรา 2 คนต่างไม่ว่าง
ปุ๊ย : ครั้งที่ 2 มาออกอีกครั้งหนึ่ง เหมือนแซวกันไปแซวกันมา พอได้มาออกรายการก็มีการแลกไลน์กัน แต่ยังไม่มีอะไรแค่การคุยที่ถูกชะตากัน ตอนเห็นครั้งแรกรู้สึกเหมือนกันว่าผู้หญิงคนนี้มีอะไรที่น่าสนใจอยู่ แต่เราไม่ได้คิดอะไร เพราะไม่อยากเป็นสมภารกินไก่วัด เราเคยตั้งปณิธานไว้
แล้วสานต่อกัน?
อนิล : หนูจีบเขาค่ะ เราว่างแล้วตอนที่เราไปออกรายการครั้งที่ 2
ปุ๊ย : เราก็กำลังจะว่าง
รู้มั้ยว่าเขาแอบชอบเรา?
ปุ๊ย : จะว่ารู้ก็รู้ แต่ยังไม่แน่ใจ เราไม่ได้ศึกษากันเต็มที่ แต่พอเริ่มคุยกัน ไลน์กัน มันมีเรื่องแปลกๆ บางทีเรากำลังจะทักไลน์ไป เขาก็ทักมา ส่งสติกเกอร์ตัวเดียวกัน คำพูดคำเดียวกัน เลยรู้สึกว่ามันไม่มีอะไรที่ปกติละ เรียกว่าเป็นพรหมลิขิตได้เลย
อนิล : หนูชวนพี่ปุ๊ยไปดื่มที่ร้านที่หนูร้องเพลง แต่มีทีมงานไปนะคะ หนูชอบเขา ดูอบอุ่นดีค่ะ เห็นหน้าจอตั้งแต่เด็กๆ ดูมีเสน่ห์มากๆ
ปุ๊ย : ไปนั่งกินข้าวก็มีเรื่องอื่นๆ ให้คุยมากขึ้น บางเรื่องก็ปัญหาของเขา บางเรื่องก็ปัญหาของเราแต่ปรึกษากันได้ ช่วยเป็นที่ปรึกษาให้กันและกันได้
ชอบเลยมั้ย?
ปุ๊ย : ถือว่าชอบแล้วนะครับ แต่เรายังไม่แน่ใจว่าเราจะจีบเขาได้มั้ย หรือเขาจะชอบเราจริงมั้ย
อนิลไม่สบายหนักหลังจากนั้น?
อนิล : เส้นเลือดในสมองแตกค่ะ หนึ่งในล้านคนก็ได้ที่จะเป็น หลอดเลือดผิดปกติโดยกำเนิด ตอนนั้นปวดหัวแบบทนไม่ได้ต้องไปโรงพยาบาล สักพักตามองไม่เห็นมัวไปหมด โชคดีที่ผ่าศิริราชทัน
ปุ๊ย : ผมไปหาเขาที่โรงพยาบาล ไปถึงพยาบาลฟ้องเลยไม่ถามหาพ่อหาแม่ ถามหาพี่ปุ๊ยอยู่ไหน
พี่ปุ๊ยดูแลยังไง?
อนิล : มันทำให้หนูรู้สึกดีกับเขา ตอนนั้นหนูโกนหัว เขาเดินจูงมือเราโดยที่ไม่อายคนเลย เราเป็นคนธรรมดาโกนหัวแล้วขี้เหร่มาก เขาเป็นดาราเขาไม่แคร์สายตาใครเลย ดูแลมากๆ พี่ปุ๊ยกายภาพบำบัดจนหนูเดินได้เป็นปี
แต่ตั้งปณิธานสมภารไม่กินไก่วัด?
ปุ๊ย : ช่วงนั้นเราออกมาแล้วพอดีด้วย ก็เลยปลดล็อคประโยคนี้ไปซะเราออกจากวัดแล้ว
ระหว่างที่รักษาตัวที่โรงพยาบาล รักเขามากขึ้น?
ปุ๊ย : ใช่ครับมันมีหลายๆ อย่างที่ทำให้เรารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ ความรู้สึกจากการคุย คำพูดของเขา มันจริงทั้งนั้นเลย เราสามารถพูดเรื่องจริงได้ทุกเรื่อง
ดูแลนานแค่ไหน ตัดสินใจคบกัน?
อนิล : ตอนที่ดูแลกันนั่นก็คือคบกันแล้วนะคะ
ปุ๊ย : มันนัวๆ ไป ไม่เป็นทางการ เริ่มมีการเปลี่ยนสรรพนาม ไปไหนมาไหนด้วยกัน
อายุห่าง 14 ปี?
ปุ๊ย : ตอนแรกคิดว่าจะจูนยาก เพราะอายุห่างกันเป็นรอบเลย แต่พอเอาเข้าจริงๆ ง่ายมาก เพราะอนิลเองเหมือนเป็นคนที่กลับไปหาความเก่า เขาทำงานตั้งแต่เด็ก ฟังเพลงเก่า รู้จักคนเก่าๆ เราไม่ต้องปรับตัว เขาสามารถปรับมาหาเราได้เลย ในขณะที่เราเองวนไปหาความใหม่เหมือนกัน มีจุดร่วมที่ค่อนข้างไปกันได้โดยที่ไม่ต้องปรับตัวไรมาก
อนิล : ไม่มีค่ะ พี่ปุ๊ยเป็นคนที่เข้าใจง่ายมากๆ คืออะไรก็เข้าใจกันง่าย 14 ปี คิดว่าจะทันกัน
คบกันเพื่อต่างฝ่ายต่างหาประโยชน์ เพราะรู้จักคนเยอะด้วยกันทั้งคู่?
ปุ๊ย : ช่วยกันทำมาหากินมากกว่า แนะนำคอนเนกชั่นให้กัน เอื้อกัน
เคยแต่งงานมาก่อน แล้วไม่สำเร็จ ประโยคไหนที่พูดแล้วทำอนิลหน้าชา?
อนิล : ต่อหน้าก็เคย ในโซเชียลก็เคย นั่งทานข้าวอยู่ได้ยินก็มีค่ะ
ปุ๊ย : เขามีภาพจำ แต่งออกทีวีด้วยตอนนั้น
ปลอบยังไง?
ปุ๊ย : ผมบอกว่าเป็นเรื่องในอดีต อะไรที่ไม่ดีก็ปล่อยมัน บางทีผมใช้คำว่าไม่มีใครจำเรื่องแย่ๆ ของเราไปถึง 100 ปีหรอก
ที่เคยแต่งงานมาจบสวยมั้ย?
ปุ๊ย : มันไปต่อด้วยกันไม่ได้ จบแบบต่างคนต่างไปตามทางตัวเอง ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้
ตอนนั้นกลัวมั้ยจะเริ่มต้นใหม่?
ปุ๊ย : ไม่กลัวเลยครับทุกชีวิตย่อมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้วไม่ว่าเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ถ้าเราไปกลัว เราจะไม่รู้ว่ามีอะไรเปลี่ยนบ้าง แล้วไปแก้ปัญหาเอาว่ามีอะไรให้เราแก้บ้างและแก้ได้มั้ย ทุกปัญหามันมีทางแก้หมด ทำให้เข้าใจโลกมากขึ้น บ้างเรื่องเริ่มปลง เริ่มมีสวดมนต์ละ คำติฉิน คำวิจารณ์ ปล่อยหูซ้ายทะลุหูขวาบ้างก็ได้
อนิล : หนูยังไม่มากกับวงการ พออยู่กับพี่ปุ๊ยเริ่มมีคอมเมนต์ ใหม่ๆ หนูร้องไห้ มีนอยด์ แต่พี่ปุ๊ยจะปลอบเสมอ ให้สนใจคนที่รักเราไม่ต้องไปฟังคนอื่น ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วค่ะ
ปุ๊ย : ยอมรับว่าเขาใหม่กับการต้องไปเจอสังคม พอมาเป็นแฟนเราก็มีผลพวกนี้ตามมาบ้าง
คบเขาแล้วเราเฟดออกจากทีวี?
ปุ๊ย : ไม่น่าจะเกี่ยว ไปโทษเขามันก็ไม่ใช่ ไม่คิดว่าคำพูดพวกนี้จะทำอะไรเราได้
ความหวาน?
อนิล : เป็นการกระทำมากกว่าค่ะ เขาจะไม่พูดหวานแต่ดูแลเราทุกอย่าง
มีแพลนจะมีลูกมั้ย?
ปุ๊ย : ก็เคยคุยกันนะ มีลูกกันมั้ยอยากรู้ว่าจะเป็นเด็กยังไง แต่พอช่วงโควิดเปลี่ยนความคิดเลย มันไม่ได้อยู่แป๊ปเดียว
อนิล : ด้วยเศรษฐกิจด้วย โรคภัยไข้เจ็บมันเยอะ อีกอย่างพี่ปุ๊ย 52-53 แล้ว เลยเปลี่ยนความคิดไปหมดเลย แต่อยากมีนะคะ แต่ไม่มีดีกว่า
เป็นพิธีกรดัง แล้ววันหนึ่งหายไปเลย จบด้วยดีมั้ย?
ปุ๊ย : ด้วยดีนะครับ เราเองก็อยู่มานานมากเกือบ 20 ปี ไม่เคยทำงานกับใครมากเท่านี้ เราอยากทำอย่างอื่นบ้า งอยากมีอิสระมากกว่านี้ เราทำเบื้องหลังด้วยเบื้องหน้าด้วย เราอายุเยอะขึ้นด้วย เก่าไปใหม่มาเป็นธรรมชาติของทุกๆ ที่ ขอออกไปเป็นอิสระ
ตัดสินใจลาออก คุณอนิลให้คำปรึกษา?
อนิล : ช่วยผ่อนคลายมากกว่า ทำยังไงให้เขาไม่เครียด เพราะช่วงนั้นหัวเลี้ยวหัวต่อมากจริงๆ แนะนำว่าอะไรที่ทำแล้วมีความสุขก็เอาตรงนั้น เพราะอายุมากแล้ว ตัดสินใจเลยไม่ต้องลังเลเพราะเขาเป็นคนขี้เกรงใจคนมาก ไม่ค่อยเด็ดขาด
เสียดายมั้ยออกจากรายการ?
ปุ๊ย : ไม่นะครับ ผมอยู่ตรงนั้นถือว่าโชคดีมากๆ แล้ว ได้รับความเมตตา ความกรุณา ผมไม่มีวันลืม แต่เราอยากทำอย่างอื่นที่นอกเหนือจากนี้ เพราะเราทำตรงนี้เต็มที่แล้ว
อนิลเจอเรื่องจำไม่ลืมเกี่ยวกับแม่พุ่มพวง?
อนิล : หนูไปอยู่วงพี่ยุ้ย ญาติเยอะ ตอนนั้นกลับมาจากต่างจังหวัดด้วยกัน อยู่บนรถตู้ตี 2 ผ่านวัดทับกระดาน คุยกันว่าแวะหน่อยมั้ย พี่ยุ้ยบอกประตูปิดแล้ว ก็ไม่มีอะไร พี่ยุ้ยบอกร้องเพลงให้ฟังหน่อย นิลก็ร้องเพลง แล้วมีเสียงร้องต่อขึ้นมา ได้ยินทั้งรถเลย เป็นเรื่องที่พี่ยุ้ยกับหนูจำได้ ขนลุก แล้วก็ยกมือไหว้บอกเดี๋ยวมาไหว้นะพี่ผึ้งมันดึกแล้ว พี่ยุ้ยจำได้เลยเสียงเป็นเสียงพี่ผึ้ง
มีฝันถึง?
อนิล : ฝันว่าเธออยู่ไหน เราอยู่แค่นี้ไม่เห็นมาไหว้เราเลย ในฝันก็ยังเถียงเขาเลยว่ามัน 100 กว่าโลเลย พอตื่นมาคิดมาได้ว่าพี่ผึ้งเขาย้ายรกรากมาอยู่กำแพงเพชรแล้วมีพิพิธภัณฑ์อยู่นั่น อาทิตย์ต่อมาก็รีบไปไหว้เลย
มีเลขเชื่อมโยงด้วย?
ปุ๊ย : พี่ผึ้งเสียวันที่ 13 มิถุนา แม่ผมก็เสียวันเดียวกัน
อนิล : หนูผ่าตัดสมองมีผ่า 2 รอบ รอบแรกเดือนตุลา รอบสองผ่าปิดกะโหลกวันที่ 13 มิถุนา เป็นเลขเดียวกันเลย
ปุ๊ย : ความแปลกอีกอย่างเขาฝันถึงแม่ผม โดยที่ยังไม่เคยเห็นหน้าแม่ผมด้วยซ้ำ จนมาเจอรูปแม่บอกคนนี้แหละที่ฝัน