ปุ้มปุ้ย เปิดใจ ชีวิตเจอแต่ดราม่า แชร์มุมมองก้าวข้ามคำบูลลี่

Home » ปุ้มปุ้ย เปิดใจ ชีวิตเจอแต่ดราม่า แชร์มุมมองก้าวข้ามคำบูลลี่


ปุ้มปุ้ย เปิดใจ ชีวิตเจอแต่ดราม่า แชร์มุมมองก้าวข้ามคำบูลลี่

ปุ้มปุ้ย พรรณทิพา ภรรยา กวินท์ ดูวาล เชิ่ดใส่ดราม่า พร้อมแชร์ทริคก้าวข้ามประสบการณ์โดนบูลลี่

เรียกได้ว่าผ่านประสบการณ์โดนดราม่าในโลกโซเชี่ยลมาเยอะเลยทีเดียว สำหรับ ปุ้มปุ้ย พรรณทิพา ที่ล่าสุดได้มีการออกมาแชร์ประสบการณ์ในมุมของตัวเองผ่านทางช่องยูทูปชาแนล PANTIPA .A หน้าหวาน กร้านโลก ตอน: สู้เขาสิวะอีหญิง!

“หลักๆที่ออกมาพูดเพราะรู้สึกว่า หลังๆโซเชี่ยลมีเดียค่อนข้างที่จะมีดราม่าเยอะและแรงมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ส่วนมากจะไปในเรื่องที่ลบมากๆ วันนี้ก็อยากมาแชร์ประสบการณ์ว่าตัวปุ้ยเองเคยเจอปัญหาแบบนี้อะไรมาบ้างและมีวิธีจัดการกับความรู้สึกของตัวเองยังไง เวลาที่เราเจอดราม่า ตรงนี้อาจจะเป็นทริคให้สำหรับใครที่โดนบูลลี่แล้วโดนคนอื่นตัดสิน คนอื่นด่า จะได้เอาตัวเองออกมาจากตรงนั้นได้”

ตั้งแต่มีชื่อเสียงโดนตัดสินจากสังคมยังไงบ้าง?
“นับตั้งแต่ที่เปิดเพจ Facebook ทำ YouTube สิ่งแรกที่โดนแล้วไม่รู้จะแก้ไขมันยังไงก็คือ โดนว่าเรื่องเสียง เสียงมันเป็นอย่างนี้ ก็จะโดนว่าทำไมต้องแอ๊บเสียงให้มันแหลม เสียงเป็นอะไร และนี่ก็ไม่ใช่แค่ในโซเชี่ยลนะที่ว่า แต่เราอ่ะโดนเพื่อนล้อมาตั้งแต่เด็กแล้วในชีวิตจริง ว่าเสียงเป็นอะไร ตอนนี้ก็ไม่รู้จะตอบคนอื่นว่ายังไง เพราะว่าก็ไม่รู้ว่าเออเสียงเราเป็นอะไรวะ เสียงกูมันทำไมวะ แต่ถ้าจะให้เสียงปุ้ยเป็นเหมือนมาตรฐานของคนอื่นแล้วให้คนอื่นพอใจ ปุ้ยต้องดัด แต่อันนี้คือเสียงจริงๆที่เราใช้พูดปกติโดยที่เราไม่ได้ดัดไง”

“ส่วนเรื่องการแต่งกายมีเรื่อยๆอยู่แล้ว แต่คือปุ้ยเป็นคนที่หุ่นดีอันนี้เราก็มั่นใจว่าเรามีหุ่นที่โอเค เราพอใจกับรูปร่างของเรา เราก็เลยรู้สึกว่ามันไม่ใช่ทุกคนนะที่จะสามารถใส่บิกินี่ในแบบที่ตัวเองอยากใส่แล้วสามารถถ่ายรูปแล้วรู้สึกพอใจในเรือนร่างของตัวเอง เราก็เลยคิดว่าอันนี้มันเป็นข้อได้เปรียบของเรา เราก็เลยชอบแต่งตัวแบบนี้ แล้วด้วยความที่เราเป็นคนที่มีผิวขาว คือการที่เราเป็นคนแต่งตัวเซ็กซี่มันไม่ได้หมายความว่าเราเป็นผู้หญิงไม่ดี คนอื่นอาจจะมองว่าแต่งตัวโป๊ แรด ผัวเยอะ ชอบโชว์ซึ่ง ไม่เกี่ยว”

“แล้วก็มีเรื่องการโพสท่าถ่ายภาพ เราอ่ะมีอาชีพเป็นนางแบบเสื้อผ้าและเวลาที่เราถ่ายเล่นเราก็จะติดภาพติดอินเนอร์ของการเป็นนางแบบมาอยู่แล้ว เวลาที่ปุ้ยไปทะเลใส่บิกินี่เราก็จะมีท่าโพสอะไรที่มันเฟียสๆที่เราสรรหามาโพสท่านั้นท่านี้ ก็เคยโดนด่าต้องโพสขนาดนี้เลยเหรอ คือกูเป็นนางแบบก็ต้องมีความสเปเชียลกว่าคนที่ทำสายงานอื่นหรือเปล่า

พอเราโพสต์ลงโซเชี่ยลก็จะเป็นคนที่ค่อนข้างถูกวิจารณ์ อันเนี่ยไม่เข้าใจเลยว่าในสิ่งที่เราโพสต์ลงไปในโซเชี่ยลมันไม่ได้แปลว่าต้องการให้คุณมาด่าเรานะ เพราะว่าการแสดงความคิดเห็นแบบดีๆมันก็เป็นพลังบวก มันไม่จำเป็นจะต้องคิดว่าอ้าว ก็มึงโพสต์มาเอง กูมีสิทธิ์ด่ามันไม่ใช่นะคะเพราะว่าหลังๆมันก็คือมีการฟ้องร้องนะคะ”

อันนี้ก็เป็นเรื่องของการโดนก่อนตั้งครรภ์ แต่พอหลังตั้งครรภ์ฮอร์โมนเราเปลี่ยนไป แล้วสิ่งเร้าต่างๆที่มันมากระทบเรามันมีผลมากขึ้น หลังจากที่ตั้งครรภ์เราเจอเรื่องราวพวกนี้บ้างไหม?
“ปุ้ยรู้สึกว่า ปุ้ยเป็นคนที่คนกล้าที่จะพูดหรือกล้าที่จะตั้งคำถามหรือกล้าที่จะส่งข้อความแย่ๆมาให้ปุ้ยค่อนข้างเยอะ เพราะเราดูเป็นคนที่เข้าถึงได้ เราดูเป็นคนที่คุยได้หรือเปล่า บางวันก็จะมีข้อความส่งมา โทษนะคะคุณปุ้ยคือสะดือคุณปุ้ยทำไมมันเป็นรู โทษนะคะคุณปุ้ย นมคุณปุ้ยทำมาหรือเปล่า

ซึ่งเราก็ได้มีการตอบคำถามอะไรพวกนี้ไปเยอะแล้วว่าเราไม่ได้ทำหน้าอกนะ แต่พอปุ้ยตอบไปแบบนั้นสิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือ ฉีดใช่ไหมเติมไขมันใช่ไหมล่ะ ก็คือจะให้ปุ้ยทำให้ได้ ต่อให้ปุ้ยบอกว่าปุ้ยไม่ได้ทำ เขาก็จะยัดเยียดว่าไม่จริง คนตัวเล็กแบบเธอไม่มีทางที่จะมีหน้าอกได้ เธอทำ ยังไงเธอก็ฉีด แล้วก็เลยคิดว่างั้นมันไม่ใช่แค่คุณมีตัดสินเราแล้วแต่คุณมีภาพในหัวแล้ว แล้วก็เชื่อกับสิ่งที่คุณคิดมาแล้ว แล้วคุณก็ยัดเยียดสิ่งที่ทุกคนคิดมาในตัวเราซึ่งมันไม่จริง

และอีกอันหนึ่งคือสะดือ เราไม่รู้หรอกว่าคนท้องอ่ะเวลาท้องสะดือเขาเป็นยัง แต่เราโดนตั้งคำถามว่าสะดือดูน่ากลัวมาก สะดือโบ๋ เป็นรู ท้องแล้วทำไมสะดือเป็นรูแบบนั้น มันเป็นคำถามที่ปุ้ยไม่มีคำตอบให้ เพราะปุ้ยก็ไม่รู้ก็ไม่เข้าใจว่าจะติเราทำไม จะว่าเราทำไม”

แล้วมีวิธีการรับมือกับสิ่งที่เรามาทั้งหมดยังไง?
“ปุ้ยย่อมาสั้นๆเลยว่าถ้าใครกำลังโดนแบบนี้อยู่สิ่งเดียวที่เราทำได้เลยคือช่างมัน! คนพี่พิมพ์แค่ปลายปากกาหรือพิมพ์โดยที่เขาไม่ได้คิด แต่ตัวปุ้ยเองรับสารมา เชื่อไหมว่าปุ้ยนั่งจ้องคอมเม้นต์ที่ด่าเราอยู่ทั้งวัน แล้วก็นั่งทบทวนตัวเองว่าแล้วเราต้องแก้ยังไงแล้วเราต้องทำยังไงอยู่กับคำถามนี้หนึ่งวันเต็มๆอ่ะ แล้วคือวันนั้นหายไปเลยเราไม่ได้ทำประโยชน์อะไรเลย

จนหลังๆเราเริ่มมีความรู้สึกว่ายิ่งเราปล่อยวางคอมเม้นต์แย่ๆพวกนี้ได้เร็วเท่าไหร่ เรายิ่งได้เดินไปข้างหน้าเร็วขึ้นเท่านั้น และอีกวิธีหนึ่งก็คือโซเชียลดีท็อกซ์ ก็คือปุ้ยไม่อ่านเพจข่าวหรือถ้าเป็นหน้าข่าวตัวเองปุ้ยเลื่อนทิ้งเลย เพราะปุ้ยรู้สึกว่ามันจะต้องมีทั้งดีและไม่ดี เพราะฉะนั้นเราไม่รับสาร เราก็แค่เล่นโซเชี่ยลของเราดูแล้วก็เปิดรับแต่คอมเม้นต์ดีๆ เราก็จะอ่านแต่มันเป็นพลังบวก เอาเวลาที่เราไม่ต้องไปโฟกัสกับคอมเม้นต์แย่ๆ เอาไปโฟกัสกับคอมเม้นต์ดีๆ แล้วพยามรักษาคนดีไหวังดีแล้วก็คนที่ชื่นชอบเราให้อยู่กับเราให้นานที่สุดแบบนี้ดีกว่าค่ะ”

 

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ