ปารีณา รอด! ยกคำร้อง ป.ป.ช.กล่าวหายื่นบัญชีเท็จ เตรียมฟ้องกลับ 157

Home » ปารีณา รอด! ยกคำร้อง ป.ป.ช.กล่าวหายื่นบัญชีเท็จ เตรียมฟ้องกลับ 157
ปารีณา-ทนายชนะคดี-ปก-min

‘ปารีณา’ ชนะคดี! ศาลฎีกาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ ยื่นยกคำร้อง ป.ป.ช. หลังปารีณากล่าวหาจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ เตรียมฟ้องกลับ ม.157

วันนี้ (30 พ.ค.67) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง ได้นัดฟังคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ คดี อม.อธ. 10/2566 คดีของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ อดีต สส.ราชบุรี พรรคพลังประรัฐ กรณีจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ จึงขอให้ศาลฯ ลงโทษตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 114 วรรคสอง (1), 167 และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 81 โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2566 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้ยกฟ้องในคดีนี้

สำหรับคำฟ้องของ ป.ป.ช. ที่กล่าวหาคือ นางสาวปารีณา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สิน และเอกสารประกอบ กรณีเข้ารับตำแหน่ง สส. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ จำนวน 2 รายการ คือรายการเงินให้กู้ยืม และรายการพระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เส้นด้าย และสมเด็จนางพญาพิษณุโลก พิมพ์ออกนูนใหญ่

ปารีณา-ทนาย-min

ขณะที่บรรยากาศบริเวณหน้าศาลฎีกาวันนี้พบว่า เวลา 09.30 น. นายทิวา การกระสัง ทนายความของนางสาวปารีณา เดินทางมาถึง ก่อนที่เวลา 10.10 น. นางสาวปารีณา เดินทางมารับฟังคำตัดสินของศาลฯ ด้วยตนเอง มาพร้อมกับลูกชายที่มาให้กำลังใจ

ภายหลังทั้งคู่ได้ฟังคำตัดสินของศาลฎีกา ในชั้นอุทธรณ์ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ทั้งคู่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า เป็นไปตามที่ทนายความได้คาดหมายไว้ โดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยยกคำร้องของ ป.ป.ช. ที่ร้องทั้ง 2 ประเด็น

ด้าน นายทิวา การกระสัง ทนายความของนางสาวปารีณา กล่าวว่า ป.ป.ช. มีการอุทธรณ์ใน 2 ประเด็น ซึ่งที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้นางสาวปารีณา จะให้การในชั้นการสอบสวนของ ป.ป.ช. ที่แตกต่างกันว่า มีการกู้เงินจริง เพราะลูกหนี้ยอมรับ ว่านางสาวปารีณา ได้ช่วยเหลือในการเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2555 จึงมีการกู้เงินจำนวน 10 ล้านบาท แต่ใช้คืนไม่หมด จึงมีการทำสัญญาในปี 2561 ซึ่งถือว่าเป็นมูลเหตุของคดีนี้ โดยในที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกาไม่ได้เชื่อคำอุทธรณ์ของ ป.ป.ช.

ส่วนกรณี ครอบครองพระ 2 องค์ แม้ว่าจะมีความแตกต่างกัน แต่ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นางสาวปารีณา ไม่มีความรู้เรื่องพระเครื่อง จึงเชื่อได้ว่าพระ 2 องค์ดังกล่าว เป็นพระองค์เดียวกัน ถึงแม้กรอบพระจะแตกต่างกัน แต่การยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน เป็นการตีราคาพระ ไม่ใช่ตีราคากรอบพระ จึงเชื่อได้ว่านางสาวปารีณาไม่ได้มีเจตนาจงใจ ที่จะไม่แสดงบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สิน หรือที่มาของทรัพย์สิน พร้อมกับย้ำว่าศาลฎีกาในชั้นอุทธรณ์ จึงมีคำวินิจฉัยยกคำร้องอุทธรณ์ของ ป.ป.ช.

  • สาวโวยหนัก! รีวิวข้าวกุ้งแกะ จกตาหนัก แม่ค้าหายเงียบ เข้ากลีบเมฆ
  • อดีต สส. พรรคเพื่อไทย ฆ่าตัวตาย ดับคาศาลากลางน้ำภายในรีสอร์ต
  • บ้านสั่นกันทั้งเกาะ! แผ่นดินไหว 2.4 ศูนย์กลางแถบเกาะสมุย ลึก 4 กม.

ในขณะที่ นางสาวปารีณา ระบุว่า วันนี้รู้สึกดีใจและรู้สึกว่าวันนี้ยังมีข้อบกพร่องของกระบวนการยุติธรรม และเรื่องขององค์กรอิสระที่ไม่มีความเป็นอิสระ ซึ่งมีการใช้หน้าที่เกินขอบเขตของกฎหมายกฎหมาย โดยในวันนี้แสดงให้เห็นว่าประชาชนยังมีที่พึ่งหวังคือศาลฎีกา ที่ยังสามารถใช้ต่อสู้คดี เพื่อหาความยุติธรรม

เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะมีการดำเนินการทางกฎหมาย ฟ้องกลับ ป.ป.ช. หรือไม่ นางสาวปารีณา ระบุว่าจะมีการฟ้องกลับอย่างแน่นอน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้กลับผู้อื่น เพราะการกู้ยืมเงินครั้งนี้ มีสัญญาเงินกู้ บ้านและที่ดินค้ำประกัน มีการเซ็นเช็ก เพื่อชำระ และเรื่องของพระ ก็มีฎีกาออกมาแล้ว ว่าเป็นเรื่องของความพอใจ และยืนยันว่าส่วนตัวตนไม่เคยครอบครองพระมาก่อนแต่งงาน

ปารีณา-3-10-66-3-min

แต่หลังจากนั้นอดีตสามีได้มอบพระให้กับตน ยืนยัน ว่าตนไม่ใช่เซียนพระ มีความรู้เรื่องพระ เพียงแต่มีสามีที่เป็นเซียนพระเท่านั้น และเคยมอบพระให้กับตน พร้อมยืนยันว่ามีความบริสุทธิ์ ในการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน พร้อมระบุว่า ตนรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ที่ถูกชี้มูลความผิดในครั้งนี้ เนื่องจากเรื่องนี้เป็นการทำเกินขอบเขตอำนาจของกฎหมาย และก่อนที่จะถูก ป.ป.ช. ชี้มูลทนายความตนได้ทำหนังสือไปค้าน และขอยื่นอุทธรณ์แล้วว่าการกระทำดังกล่าวขัดต่อกฎหมาย แต่ ป.ป.ช. ยังคงเดินหน้าชี้มูลความผิดตน ทั้งนี้นางสาวปารีณา ได้กล่าวขอบคุณศาลฎีกา ที่ได้ให้ความยุติธรรม และเตรียมฟ้อง ป.ป.ช.ต่อศาลอาญา คดีทจุริต

ขณะที่ ทนายความ ระบุว่า นอกจากนี้จะมีการฟ้องกลับในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มาตรา 157 เนื่องจากการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ผู้ที่แสดงเป็นเท็จต้องมีเจตนาพิเศษคือ การจงใจที่จะปกปิดทรัพย์สินไม่ให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ ทั้งยังไม่เชื่อเอกสารที่มีการยื่นโต้แย้งไป อีกทั้งยังยืนยันว่าเรามีเจตนาพิเศษที่จะปกปิด ดังนั้นจึงมีสิทธิฟ้องเรื่องการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยหลังจากนี้จะมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวกับนางสาวปารีณาอีกครั้ง

“สิ่งที่ ป.ป.ช.ได้ดำเนินการกับตนเองนั้น ตนมองว่าเป็นการกระทำที่ลุแก่อำนาจ วันนี้คนจำนวนมากถูกชี้มูลความผิดอย่างไม่เป็นธรรม และไม่ได้ต่อสู้ ซึ่งตนรู้สึกว่ากฎหมายธรรมนูญปี 60 ได้ให้อำนาจกับ ป.ป.ช. มากเกิน และหลงอำนาจมากเกินไปหรือไม่ หากเมื่อองค์กรอิสระทำผิดพลาด ก็ต้องถูกดำเนินการตรวจสอบด้วยเช่นกัน ว่าพฤติกรรมต่าง ๆ การใช้อำนาจเกินขอบเขตหรือไม่“ 

ส่วนกรณีที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ล่ารายชื่อประชาชน เพื่อถอดถอนคณะกรรมการ ป.ป.ช.บางท่านนั้น นางสาวปารีณา มองว่า เป็นความเห็นของประชาชนกลุ่มหนึ่ง แต่ตนมองว่าควรจะยุบ ป.ป.ช.ไปเลย เพราะไม่รู้ว่าจะมีไว้ทำไม ซึ่งความรู้มีไม่เท่ากับอัยการ และ ป.ป.ช. ไม่มีความรู้ด้านกฎหมาย ไม่ได้เรียนนิติศาสตร์หรือไม่ อย่างไร จึงบอกว่าควรยุบ ป.ป.ช. และให้อำนาจชี้มูลกับทางอัยการจะดีกว่าหรือไม่ ซึ่งวันนี้ ป.ป.ช. ก็เป็นองค์กรอิสระ แต่ตั้งคำถามว่าเป็นอิสระจริงหรือไม่

อย่างไรก็ตาม นางสาวปารีณาเคยถูกศาลฎีกาพิพากษาตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่เกิน 10 ปี ไปเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2565 กรณีรุกที่ป่าสงวนครอบครอบที่ดิน โดยไม่คืนที่ดินสู่การปฏิรูป จำนวน 711 ไร่ทำฟาร์มไก่ใน จ.ราชบุรี จากคำร้องของ ป.ป.ช. ฐานกระทำผิดจริยธรรมร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2561

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ