ปารีณา ซัดเติร์ด Tilly Birds กาลเทศะอยู่ไหน ลั่นนายกฯไปไว้อาลัย แล้วมีคนต้อนรับ ถือป้าย เขาทำกันทั่วโลก บอกอย่าดราม่าเยอะ
เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2565 น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีตส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) โพสต์เฟซบุ๊ก พร้อมภาพของนายอนุโรจน์ เกตุเลขา หรือ เติร์ด Tilly Birds นักร้องชื่อดังว่า ถึง เติร์ด tillybird พร้อมระบุข้อความว่า
เมื่อ เติร์ด tilly bird ทวีตว่าเราเข้าใจความรู้สึกการสูญเสียนะ แล้วนี่พ่อแม่เสียลูกไป ลูกก็ยังเล็กอยู่เลย เป็นเรา เราไม่รู้จะทำยังไง ทำไมต้องให้เขาถือป้ายเชียร์ ทำไมกาลเทศะอยู่ไหน แทนที่จะมาปลอบขวัญให้กำลังใจ กับมาสร้างซีนให้เขาเป็นตัวประกอบนั้น
เป็นการ พูดเองเออเอง การที่นายกรัฐมนตรีหรือผู้นำสูงสุดของประเทศ เดินทางไปเพื่อไว้อาลัยในสถานที่เกิดเหตุ แล้วมีคนต้อนรับ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นปกติทั่วไป ทั่วโลกก็ทำกันทั้งนั้น ปรากฏตามภาพที่พี่เอ๋ให้ดูก่อนหน้านี้นะ
ปกติผู้นำสูงสุดในต่างประเทศ เดินทางไปไว้อาลัย สั่งลดธงชาติครึ่งเสาทั่วประเทศ พรมแดง ถือเป็นพิธีการสำคัญ ที่จะแสดงถึงการให้เกียรติ และอาลัยครอบครัวผู้เสียชีวิต ถือเป็นหลักปฏิบัติทางสากล
แต่ปัจจุบัน สังคมเปลี่ยน โดยเฉพาะคนที่ไม่ทราบและไม่ให้ความสำคัญกับพิธีการ ก็จะง่ายๆ ไม่ต้องมีพิธีอะไร ขี่มอเตอร์ไซค์ไปแล้ววางดอกไม้กลับบ้านก็ได้ จะเปลี่ยนประเพณีเป็นแบบนั้นก็ได้ โดยเฉพาะพวกเราที่อยู่กันตามต่างจังหวัด ก็จะไม่ค่อยมีพิธีการขนาดนี้ ไม่มีนายกรัฐมนตรีมาร่วมพิธีแถวบ้านขนาดนี้ ก็ไม่เข้าใจกัน หรือแกล้งไม่เข้าใจกัน
ดังนั้น เพื่อปรับให้เหมาะกับยุคสมัย การไว้อาลัย จะมีหรือไม่มีพรมแดงก็ได้ อย่าไปดราม่าเยอะ
ส่วนคนที่มายืนรอนายกฯ หรือมาชูป้าย อันนั้นห้ามไม่ได้ จะให้ทำอย่างไร ให้ไปไล่เหรอ
การสูญเสียครั้งนี้ เป็นความเจ็บปวดของคนทั้งประเทศ ซึ่งการสูญเสียนี้ เติร์ดน่าจะเข้าใจดี เพราะเคยสูญเสียพ่อและแม่มาแล้ว และด้วยยุคสมัยในตอนนั้น จะเอาง่ายๆ ก็ได้ ไม่ต้องมีคนมาร่วมงาน ไม่ต้องมานั่งมายืนในงาน มาร่วมไว้อาลัย จะได้ไม่ต้องมาตั้งคำถามกาลเทศะอยู่ไหน ไม่ต้องไปด่าคนมาร่วมงานเวลาไม่ถูกใจอะไร
ต้องเรียนรู้ประเพณีนะลูก ปกติแม่มาจะจัดหนักทุกคน แต่สำหรับเติร์ด ตรงๆว่าอยากให้กำลังใจมาก กว่า เพราะเป็นนักสู้ตัวจริง แต่ด้วยวัยและประสบการณ์อาจจะไม่เข้าใจจริงๆ เลยตั้งคำถาม
สุดท้าย ขอให้เติร์ดมีงานเยอะๆ เป็นตัวอย่างแบบอย่างที่ดีในการสู้ชีวิต เป็นแรงบันดาลใจกับเยาวชน ว่าหนักกว่าเราเขายังผ่านมาได้