ปัตตานีวุ่น ผู้ปกครอง จ่อยื่นหนังสือ ไล่ผอ.รร. ปม ห้ามนร.สวมฮีญาบ

Home » ปัตตานีวุ่น ผู้ปกครอง จ่อยื่นหนังสือ ไล่ผอ.รร. ปม ห้ามนร.สวมฮีญาบ



ปัตตานีวุ่น ผู้ปกครอง จ่อยื่นหนังสือ ไล่ผอ.รร. ปม ห้ามนร.สวมฮีญาบ

เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2565 ที่ ห้องประชุมสำนักงานมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี อ.เมือง จ.ปัตตานี นายอุดร น้อยทับทิม ประธานมูลนิธิศูนย์กลางอิสลามเพื่อการพัฒนายะลา นายสายัณห์ สุขจันทร์ ประธานศูนย์พิทักษ์ธรรม พร้อมด้วย ตัวแทนผู้นำศาสนา ตัวแทนภาคประชาสังคม อดีตข้าราชการ ประชาชนในพื้นที่ และ ตัวแทนผู้ปกครองโรงเรียนอนุบาลปัตตานี กว่า 50 คน ร่วมประชุมวางแนวทางการดำเนินการภายหลังผอ.โรงเรียนอนุบาลปัตตานี ไม่อนุญาตให้เด็กนักเรียนหญิงสามารถคลุมฮิญาบ(คลุมผม)ทุกคน

โดยในที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้มีการยื่นหนังสือถึงผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เพื่อส่งไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในวันที่ 8 มิ.ย.65 เพราะถือว่าเป็นสายบังคับบัญชาสูงสุดของจังหวัดปัตตานี ที่มีอำนาจและหน้าที่กำกับดูแลปกครองข้าราชการทุกส่วนในจังหวัดปัตตานี เพื่อรับเรื่องพิจารณาตามบทบาทหน้าที่เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องนี้ ให้เกิดความสันติอย่างแท้จริง จึงเรียกร้องใน 2 เรื่อง คือ 1 เรียกร้องให้ทางโรงเรียนปฏิบัติตามศาลปกครองยะลา ที่ได้มีคำพิพากษาให้เด็กนักเรียนสามารถคลุมฮิญาบ(คลุมผม)ได้ และ 2 ขอให้ย้ายผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลปัตตานี ออกจากโรงเรียน โดยจะส่งตัวแทนประมาณ 30 คน โดยมีผู้ปกครองของนักเรียนร่วมด้วย พร้อมทั้งทางที่ประชุมได้มีการเชิญชวนให้ประชาชนในพื้นที่ ได้เดินทางเข้ามาร่วมเป็นสักขีพยานในวันนั้น

ด้านนายสายัณห์ เปิดเผยว่า ในวันนี้เป็นการกำหนดแนวทางที่จะยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ให้ขับ ผอ.ออกจากโรงเรียน เพื่อลดปัญหาแรงเสียดทานที่จะเกิดขึ้น เพราะไม่อยากให้เรื่องนี้บานปลาย ตนเองเชื่อว่า ความรู้สึกของคนมุสลิมทั่วประเทศ รู้สึกไม่สบายใจมาก ตนเคยเรียกร้องเรื่องฮิญาบมา 10 กว่าปี ยกตัวอย่างโรงเรียนแห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ชาวไทยพุทธ 90 เปอร์เซ็นต์ มีนักเรียนมุสลิม หญิงชั้น ม.6 เพียงแค่คนเดียวที่ต้องการคลุมฮิญาบ

ผอ.โรงเรียนแห่งนั้นได้อนุญาตให้คลุมฮิญาบได้ พร้อมทั้งนำเด็กหญิงดังกล่าวมาพูดหน้าเสาธง เพื่อบอกเพื่อนๆว่าการคลุมฮิญาบมีผลดีอย่างไร นี้คือตัวอย่างแม้มีเพียงแค่คนเดียว แต่โรงเรียนอนุบาลปัตตานี มีเด็กนักเรียนมุสลิมจำนวนมาก แต่กลับคลุมฮิญาบไม่ได้ มันเกิดอะไรขึ้นกับระบบการศึกษาไทย อันนี้เป็นปัญหาที่ตนรู้สึกว่าสร้างความบอบช้ำ ซึ่งควรหยุดได้แล้ว

ตั้งแต่ศาลปกครองจังหวัดยะลามีคำสั่งมา ศาลท่านให้เหตุผลว่า กฎอะไรก็ตามจะขัดต่อกฎรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายแม่ไม่ได้ ซึ่งมันชัดอยู่แล้ว ดังนั้นควรต้องยึดหลักตามกฎของกระทรวงศึกษาธิการ ถึงแม้ว่าจะมีบางกลุ่มอ้างว่าเป็นพื้นที่ของธรณีสงฆ์ คลุมฮีญาบไม่ได้ ก็ขอท้าว่า ถ้าเกิดพิสูจน์ มีข้อบัญญัติในพระไตรปิฎก ว่าเมื่อเด็กมุสลิมคลุมฮีญาบในพื้นที่ธรณีสงฆ์ ในโรงเรียน แล้วทำให้พระอาบัติ ปาราชิต ก็ขอให้ทางสำนักพุทธ วินิจฉัยออกมา ประกาศออกมา ทางเด็กมุสลิมจะไม่เรียนโรงเรียนวัดทั่วประเทศเลย

เพราะอิสลามสอนว่า เราจะไม่เบียดเบียนศาสนาอื่น ที่จะทำให้ศาสนาอื่นเสียหาย เราะฉะนั้นในวันนี้เป็นเรื่องของศาสนา หรือเรื่องของอารมณ์คนกันแน่ เพราะตนเชื่อว่า พุทธ และ มุสลิม มีหลักสอนที่ดีอยู่แล้ว ในเรื่องของการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ประเด็นในเรื่องของธรณีสงฆ์ ควรจะหยุดได้แล้ว

จากข้อสักถามว่า มีกระแสในพื้นที่มีความกังวลว่า ผู้ที่ออกมาเรียกร้องในครั้งนี้ เป็นผู้ที่ไม่ใช่คนในพื้นที่ จะทำให้เกิดความขัดแย้งของคนในพื้นที่นั้น นายสายัณห์ เปิดเผยว่า ในประเด็นเรื่องนี้ ตนเองในฐานะนักสิทธิมนุษยชน ไม่ได้ทำเฉพาะเคสนี้ เราทำเรื่องเรียกร้องสิทธิตามกรอบรัฐธรรมนูญ มา 10 กว่าปีแล้ว ฉะนั้นทุกพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรไทย เราสามารถเรียกร้องตามกฎหมายได้หมด

ความร่วมมือ มันมาจากความร่วมมือของคนในพื้นที่ต้องการ แล้วให้ใครก็ตามแต่ซึ่งไม่ใช้คนในพื้นที่ ที่มีความรู้ความสามารถในการเจรจาเพื่อให้เรื่องมันยุติ มาทำงานร่วมกันแค่นั้นเอง ถ้าเรายึดติดอย่างนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัด ผอ.โรงเรียน ข้าราชการ หลายคนไม่ใช่คนในพื้นที่ เราอย่าเอาตรงนี้มาเป็นข้ออ้าง ต้องถามว่า ผมเป็นคนไทยไหม ถ้าผมเป็นคนไทยก็คือจบ สามารถไปได้ทั่วราชอาณาจักรไทย ไม่มีกฎหมายห้าม

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ