ปอย เปิดใจชีวิตหลังแต่งงาน ตอบปมดราม่า เมย์ พิชญ์นาฏ แต่งตัวแย่งซีน

Home » ปอย เปิดใจชีวิตหลังแต่งงาน ตอบปมดราม่า เมย์ พิชญ์นาฏ แต่งตัวแย่งซีน


ปอย เปิดใจชีวิตหลังแต่งงาน ตอบปมดราม่า เมย์ พิชญ์นาฏ แต่งตัวแย่งซีน

ปอย เปิดใจชีวิตหลังแต่งงาน ขอเรียก โอ๊คว่าแฟน ยังไม่ชินเรียกสามี ตอบปมดราม่า เมย์ พิชญ์นาฏ แต่งตัวแย่งซีนเจ้าสาว

มาแล้ว..เจ้าสาวป้ายแดง ‘ปอย-ตรีชฎา หงษ์หยก’ หลังจากที่เพิ่งเข้าพิธีวิวาห์สุดหรูหรา ใหญ่โตอลังการตามประเพณีนิยมแบบชาวภูเก็ต กับ ‘โอ๊ค-ภควา หงษ์หยก’ นักธุรกิจหนุ่ม ทายาทสกุลดัง แห่งบ้านอาจ้อ

ล่าสุดที่ลานหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครฯ ได้มีกิจกรรม “สานพลังเครือข่ายร่วมขจัดการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ : Gender Fair ครั้งที่ 2” ปอย-ตรีชฎา ที่มาร่วมงานดังกล่าว ได้เปิดใจกับสื่อมวลชนถึงชีวิตหลังแต่งงานเข้าบ้านใหญ่ ต้องมีการปรับตัวอย่างไรบ้าง รวมถึงเรื่องที่ ‘เมย์-พิชญ์นาฏ’ ถูกตำหนิว่าแต่งตังแย่งซีนเจ้าสาว

ชีวิตหลังแต่งงาน ทุกคนต่างชื่นชม ปอยคือที่1?
“ปกติดีค่ะ ก็มีต้องปรับตัวนิดนึง มันเหมือนเรามีครอบครัวแล้ว พอเรามีครอบครัวมันต่างจากสถานะที่เป็นแค่แฟน พอเป็นครอบครัวเราจะต้องมีความอดทนมากขี้น มีการคิดถึงอนาคตมากขี้น เราเองก็คิดถึงอนาคตกันอยู่แล้วก่อนที่จะตกลงปลงใจกันทั้งสองคน แต่มันก็มีในเรื่องที่เราคาดไม่ถึงหลายๆเรื่อง ต้องมีการวางแผนไว้ก่อนกันไว้พอสมควร ซึ่งปอยก็รู้สึกสนุกดี”

ทางครอบครัวอ้าแขนต้อนรับอย่างดี?
“ทั้งครอบครัวของปอยและครอบครัวของทางฝั่งแฟนเราก็มีการพูดคุยกัน”

มีเคล็ดลับอะไรที่พิชิตใจครอบครัวชาวจีนได้?
“ไม่ได้เรียกว่าพิชิตใจ ครอบครัวปอยเองก็เป็นชาวจีนด้วยเหมือนกัน เรามีรากเหง้าเหมือนกัน เราก็จะเข้าใจว่าวัฒนธรรมหรืออะไรที่เราควรจะต้องระมัดระวัง อย่างพี่โอ๊คเองเวลาที่เขาจะเข้ามาสู่ขอปอย เขาก็เข้าทางผู้ใหญ่ก่อน”

  • อ่าน ปอย ตรีชฎา สุดกลั้นน้ำตาโมเมนต์สุดซึ้งงานแต่ง อบอุ่นเปี่ยมด้วยความรัก
  • อ่าน ‘ปอย-โอ๊ค’จูงมือวิวาห์หวาน บรรยากาศอบอุ่นพิธีจีนโบราณ
  • อ่าน เมย์ สุดทนฟาดกลับแซ่บปมแย่งซีน ปอย เจ้าสาว – แจงชัดทำไมชุดจัดเต็ม

เราเป็นแม่บ้านทำกับข้าวไหม?
“ไม่เลย ไม่ต้องทำอะไรเลย จริงๆปอยก็เป็นคนทำอยู่แล้ว แต่อะไรก็แล้วแต่ที่เรารู้สึกว่าเราต้องพยายามมากขึ้นเราจะไม่ทำ เรามีการโชว์ด้านดาร์กไซต์กันตั้งแต่วันแรกเลย ก็ไม่รู้ว่าหลังจากนี้มันจะมีรึเปล่า เท่าที่ในชีวิตปอยได้สั่งสมมา ปอยได้โชว์ไปหมดแล้ว พี่โอ๊คก็เช่นกัน”

ในการเปิดรับ ครอบครัวเขาร้อยเปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันเลย?
“ปอยไม่กล้าตอบแทนเขานะคะ เอาเป็นว่าหลังจากที่พี่โอ๊คได้พาปอยไปแนะนำ ปอยก็ได้รับความอบอุ่นที่ดี ๆ เสมอมา พี่โอ๊คเองก็ได้รับความอบอุ่นจากพ่อแม่ปอยด้วย”

คิดไหมว่าเราจะมีวันที่ได้แต่งงาน?
“ก็แอบคิด ต้องบอกว่าด้วยอายุของปอยกับพี่โอ๊คการที่เราจะมีความสัมพันธ์แบบแฟน มันไม่ได้ประเดี๋ยวประด๋าว มันคือการที่ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ต้องเสียเวลา เราตั้งใจจะสร้างครอบครัวดัวยกัน มันคือความสมบูรณ์ ณ ปัจจุบัน เราไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ตอนนี้เราทำทุกอย่างให้ดีที่สุด”

พอสถานะมันเปลี่ยนไปแล้ว ความรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง?
“ไม่ค่อยชิน ก็จะมีการแชร์ให้เขาฟังว่าความรู้สึกที่เราไม่ค่อยชินมันแปลกไหม เขาก็บอกว่าบางครั้งเขาก็รู้สึก แต่เขาไม่ค่อยเท่าปอย ปอยจะมากกว่า ปอยยังพูดเลยว่าคนอื่นเขาชอบเรียกสามีภรรยา แต่เราเรียกแฟนกันเหมือนเดิมได้ไหม”

มีคำมั่นสัญญาอะไรให้กันและกันบ้าง?
“ปอยไม่ค่อยเชื่อในคำมั่นสัญญาเท่าไหร่ ปอยเชื่อในเรื่องของความรู้สึก ความจริงใจ มันคือของจริงหรือของไม่จริง มันจะดูออก หลายๆอย่างที่เขาได้ทำมามันก็คือของจริงในตอนนี้”

คนแซวว่างานแต่งเราหลายครั้งมาก?
“ต้องบอกว่าปอยเพื่อนเยอะมาก แล้วการแต่งงานแบบภูเก็ตจำเป็นจะต้องจัดงานแบบบ้าบ๋า ย่าหย๋า ที่มีแต่ญาติผู้ใหญ่ ถ้างานนั้นไม่ชวนเพื่อนไปเลยปอยอาจจะโดนขี่คอได้ แล้วก็มีงานให้เพื่อนที่กรุงเทพด้วยเพราะหลายคนไม่สะดวกเดินทางไป งานที่กรุงเทพเป็นงานที่คิดล่วงหน้าแค่ 5 วัน ที่โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล งานก็มีทั้งหมดแค่ 3 วันเอง แต่ได้มีการแชร์ไปหลายวัน (ยิ้ม) (ความเหนื่อยความเพลียเป็นยังไงบ้าง?) ไม่สบายไปเลยหลายวันเป็นอาทิตย์เลยค่ะ ไม่ใช่แค่ปอย แขกที่ไปร่วมงานก็ไม่สบายไปเลย เพราะทุกคนเต็มที่มากๆ”

งานเป็นไปอย่างที่ต้องการใช้ไหม?
“ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็โอเค (แต่ทุกคนให้ความร่วมมือกับเราในเรื่องการแต่งตัว?) ใช่ ดีมากเลย คือมีเพื่อนที่มาจากทั้งต่างประเทศและมีมาจากต่างจังหวัด”

มีรูปหนึ่งที่นั่งถ่ายรูปกัน 2 คน คนฮือฮา ชอบมาก?
“มีความหมายก็รือตามขนบธรรมเนียมประเพณี คือการแต่งงาน บ้าบ๋า ย่าหยาเนี่ย ด้วยสถานที่ด้วยการแต่งกาย มันศักดิ์สิทธิ์จนเรารู้สึกว่ามันท่วมท้น ท่วมท้นมากๆ ในการให้เกียรติสถานที่ มันเลยทำให้ภาพออกไปแบบนั้นหรือเปล่า(ยิ้ม) และมันก็เป็นมาตั้งแต่บรรพบุรุษแล้ว ก็คล้ายๆ กัน จะไม่ได้เป๊ะร้อยเปอร์เซ็นต์”

ในงานมีดราม่าเล็กๆ ชุดพี่เมย์-พิชญ์นาฏ ที่เกินหน้าเจ้าสาว?
“เราทราบค่ะ เรารู้สึกว่ามันดราม่าเกิน จริงๆแล้วมันเป็นการให้เกียรติเรามากๆ ปอยไม่ได้รู้สึกว่าพี่เมย์ (แย่งซีน?) ไม่มีใครคิดแบบนั้นเลยในงาน สิ่งแรกคืองง แล้วก็ต้องรีบปกป้องเพื่อนรักเราก่อนเลย เพราะทุกคนที่มางานเรา เขาไม่ได้ง่ายนะคะเขาต้องเดินทางไกล ต้องมาต่างจังหวัดด้วย ต้องมีช่างหน้า ช่างผม มีชุดมา มันเป็นการมาที่ทั้งลงแรง ลงเงิน ลงเวลา ลงทุกอย่าง เพราะฉะนั้นปอยคิดว่าทุกคนมีความรักความเมตตากับปอย ไม่ต้องคิดเลยในการที่จะต้องตัดสินใจปกป้องเพื่อน งานทุกคนที่มา ปอยเองก็จะจัดเต็มเหมือนกันปอยได้บอกกับทุกคนไปแล้ว”

สเต็ปต่อไปของชีวิตคู่เราเป็นอย่างไร?
“ไม่มี next step เลย ชีวิตทุกวันนี้เราก็ทำหน้าที่ตามที่เรามีหน้าที่ที่ควรจะทำ หน้าที่การงานเราก็ต้องรับผิดชอบ หน้าที่การงานของครอบครัวก็ต้องทำให้ดีที่สุด ส่วนการวางแผนชีวิตของปอยในช่วงเกษียณ ปอยเคยวางแผนชีวิตตัวเองตั้งแต่ก่อนที่จะแต่งงานเสียอีก เป็นการเอามารวมกันในการวางแผนเกษียณของปอยและแฟนปอย ว่าจะเจออะไรที่มันตรงกันได้บ้าง ในอนาคตเราก็จะเกษียณไปด้วยกัน ทุกวันนี้พี่โอ๊คเขาก็มีหน้าที่การงานของเขา”

ตอนนี่เราอยู่ที่ไหนเป็นหลัก?
“ตอนนี้ปอยอยู่หลายที่มาก ต่างประเทศปอยก็ยังอยู่ กรุงเทพด้วย ที่ภูเก็ตด้วย ก็ได้ทำงานเต็มที่ ครอบครัวปอยก็ให้ความสำคัญเต็มร้อย หน้าที่การงานบริษัทของปอยก็วางระบบไว้ดีพอสมควร ทำให้เราได้ใช้ชีวิต”

สาวสองเอาเราเป็นไอดอลแล้วว่าวันหนึ่งต้องเป็นแบบปอยให้ได้ ปอยมีบ้าน ปอยมีรถ ปอยมีมง และปอยมีสามีแล้ว?“ต้องบอกว่าคนที่ประสบความสำเร็จแบบนี้ก่อนหน้าปอยมีเยอะมาก เพียงแต่เขาไม่ได้มาโชว์ให้พวกเราได้เห็นกันเป็นตัวอย่าง ปอยในฐานะที่เป็นเด็ก ปอยเห็นผู้ใหญ่หลาย ๆ ท่านที่ประสบความสำเร็จมาก ๆ และพวกเขาเป็นแรงบันดาลใจให้กับปอย ถ้าไม่มีบุคคลเหล่านั้นที่เขายืนหยัด กล้าที่จะก้าวผ่านในสิ่งที่สังคมตีตราไว้ ก็คงสร้างแรงบันดาลใจให้ปอยได้ในการทำอะไรบ้างอย่างเหมือนกัน”

อะไรที่ทำให้ปอยเชื่อในรักแท้?
“ปอยเชื่อว่ารักแท้มีจริง และปอยเชื่อว่าทุกคนก็เชื่อว่ามันมีจริง มันมีจริงตั้งแต่รักแท้จากครอบครัว รักแท้จากเพื่อนเราก็รู้ใช่มั้ย”

เชื่อในพรหมลิขิต?
“อันนี้ไม่แน่ใจ ไม่ชัวร์ บางทีสังคมที่ลิขิตมาว่าอะไรจริงอะไรไม่จริงมันจะมีแค่ ถ้ากลับไปดูประวัติศาสตร์ถ้าเรารู้ว่าใครเขียนประวัติศาสตร์เท่ากับคนนั้นเขารู้อะไรเขาก็เขียนไปแบบนั้น เราต้องเชื่อมั่นในตัวเอง อย่าเชื่อในคนเขียนประวัติศาสตร์ เพราะการเขียนประวัติศาสตร์มันอาจจะเป็นความคิดของเขาคนเดียวก็ได้”

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ