ปวดหัว ปวดแบบตุบๆ ปวดหัวข้างเดียว ปวดขมับ แม้ว่าอาการปวดหัวจะสามารถเกิดได้กับทุกคน และดูเหมือนจะเป็นอาการที่เกิดได้บ่อยครั้ง แต่ก็อย่าได้มองข้ามอาการพวกนี้ เพราะแต่ละจุดที่ปวด ก็สามารถบอกอาการของโรคได้ แล้วตรงไหนจะบอกโรคอะไรได้บ้าง
- ปวดบริเวณขมับทั้งสองข้าง
ปวดบริเวณขมับทั้งสองข้างหรือปวดรอบศีรษะเหมือนโดนบีบ จะรู้สึกปวดตื้อๆไปทั่วศีรษะ อาการนี้พบได้บ่อยที่สุด สาเหตุมาจาก ความเครียด พักผ่อนน้อย วิตกกังวล ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
วิธีแก้ไขที่ง่ายที่สุด พักจากกิจกรรมที่ทำอยู่ ดื่มชาขิง นวดหัวเบาๆ ดมยาดมเปปเปอร์มินต์ จะช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะได้ หลังจากนั้นก็พยายามนอนให้เพียงพอในแต่ละวัน ทานอาหารให้ตรงเวลา พักผ่อนสายตาบ้างเวลาทำงาน
- ปวดหัวข้างเดียว
ปวดหัวข้างเดียว ปวดบริเวณขมับด้านใดด้านหนึ่ง อาจจะมีอาการปวดร้าวมาถึงกระบอกตา อาการแบบนี้อาจบ่งบอกถึงอาการไมเกรน ในบางรายที่เป็นหนักๆ อาจมีอาการคลื่นไส้
อาการแบบนี้มักเกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เนื่องด้วยจากฮอร์โมน โดยเฉพาะช่วงที่มีประจำเดือน หากเป็นหนักมากแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ ส่วนวิธีแก้ไขหรือป้องกันคือ พยายามอย่าเครียดมากจนเกินไป พักผ่อนให้เพียงพอ ในบางคนให้หลีกเสี่ยงแสงสว่างจัดๆหรือเสียงดังมากๆ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการไมเกรนได้
- ปวดบริเวณรอบๆ ดวงตา หรือบริเวณขมับ
ปวดบริเวณรอบๆดวงตา หรือบริเวณขมับ ปวดแบบตุบๆ เหมือนโดนทุบ อาการปวดแบบนี้มักมาแบบเฉียบพลันและรุนแรง มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่าปวดหัวแบบคลัสเตอร์ อาการนี้มักพบในเพศชาย และมักเกิดกับคนที่สูบบุหรี่
หากเกิดอาการแบบนี้ เบื้องต้นให้งดการสูบบุหรี่ และแนะนำให้ปรึกษาแพทย์จะดีกว่า
- ปวดหัวและปวดบริเวณหน้าผาก กระบอกตา
อาการปวดแบบนี้เกิดจากไซนัสอักเสบ ความรู้สึกจะเหมือนตอนเราเป็นหวัด บางรายอาจมีน้ำมูกไหล คัดจมูก มีไข้รวมด้วย
ในอาการนี้หากเป็นมากๆแนะนำให้ปรึกษาแพทย์เช่นกัน เพราะอาจเป็นอาการของการติดเชื้อ หรือมีความผิดปกติของฟันได้