ปลัด สธ. เผยคนไทยฉีดวัคซีนแล้ว 7.4 ล้านโดส ย้ำประชาชนยังต้องสวมหน้ากากฯ เว้นระยะห่าง

Home » ปลัด สธ. เผยคนไทยฉีดวัคซีนแล้ว 7.4 ล้านโดส ย้ำประชาชนยังต้องสวมหน้ากากฯ เว้นระยะห่าง
ปลัด สธ. เผยคนไทยฉีดวัคซีนแล้ว 7.4 ล้านโดส ย้ำประชาชนยังต้องสวมหน้ากากฯ เว้นระยะห่าง

ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผย ไทยฉีดวัคซีนแล้ว 7.4 ล้านโดส ย้ำแม้ฉีดแล้วยังต้องเข้มมาตรการป้องกัน สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง

นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายให้การฉีดวัคซีนโควิดเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อลดการป่วยรุนแรง และการเสียชีวิตจากโควิด-19 เร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เตรียมพร้อมฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ และกระตุ้นการท่องเที่ยว ให้กับประชาชนได้กลับมาดำเนินชีวิตตามปกติโดยเร็วที่สุด ตั้งเป้าหมายจัดหาวัคซีนสำหรับฉีดให้คนในประเทศกว่า 100 ล้านโดสภายในปี64

โดยเริ่มฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนเสี่ยงกลุ่มต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.64 และเริ่มฉีดอย่างเป็นทางการพร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 7 มิ.ย.64 โดยข้อมูลล่าสุดถึงวันที่ 18 มิ.ย.64 ฉีดวัคซีนไปแล้ว 7,483,083 โดส เป็นเข็มที่ 1 จำนวน 5,434,119 ราย และเข็มที่ 2 จำนวน 2,048,964 ราย

จากการสำรวจความต้องการฉีดวัคซีนโควิด 19 ล่าสุด 16 – 31 พ.ค.64 พบว่าทั้งกลุ่มอายุ 15-59 ปี และกลุ่ม 60 ปีขึ้นไป มีความต้องการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณร้อยละ 65 -75 จึงขอให้มาฉีดวัคซีนช่วยชาติ เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันระดับประเทศ ย้ำว่าแม้จะฉีดวัคซีนแล้วยังมีโอกาสติดเชื้อได้ ทุกคนยังต้องเข้มมาตรการป้องกันตนเอง สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ ที่สำคัญคือ พฤติกรรมส่วนบุคคลที่ดี เช่น การใช้ช้อนกลางส่วนตัว ระวังการสัมผัสบริเวณพื้นผิวต่างๆ

ด้านนายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้เปิดเผย ผลสำรวจพฤติกรรมสุขภาพประชาชน และความต้องการวัคซีนในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ว่า กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับองค์การอนามัยโลก, สํานักงานภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออก, คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล, คณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี, สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสำนักงานสถิติแห่งชาติ

ได้สำรวจพฤติกรรมการป้องกันตนเอง ของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 25,265 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 16 – 31 พ.ค.64 พบว่าการระบาดของโควิด-19 ในระลอก 1 เม.ย. ที่มาจากคลัสเตอร์สถานบันเทิง ทำให้คนไทยส่วนใหญ่กลับมามีพฤติกรรมสุขภาพที่ดีขึ้น

เท่ากับช่วงการแพร่ระบาดในระลอกแรก คือ ร้อยละ 85.4 ให้ความสำคัญกับการสวมหน้ากากอนามัยสูงถึงร้อยละ 94.8 รองลงมาคือ การล้างมือบ่อยๆด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ ร้อยละ 88.8 กินอาหารร้อนใช้ช้อนกลาง ส่วนตัวร้อยละ 87.9 และระวังตัวเองไม่อยู่ใกล้ชิดคนอื่นร้อยละ 83 รวมถึงมีการรวมกลุ่มทางสังคมและเดินทางออกต่างจังหวัดลดลง

ในส่วนผลสำรวจเกี่ยวกับความต้องการฉีดวัคซีนโควิด 19 พบว่าโดยเฉลี่ยคนไทยในกลุ่มอายุ 15-59 ปี และกลุ่ม 60 ปีขึ้นไป มีแนวโน้มความต้องการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น อยู่ที่ประมาณร้อยละ 65-75 มีผู้ที่ตั้งใจอยากฉีดวัคซีน ร้อยละ 56 และเปลี่ยนใจจากเดิมไม่ต้องการฉีดเป็นต้องการฉีด ร้อยละ 21.7 ตั้งใจไม่ฉีดร้อยละ 13.6 และเปลี่ยนใจจากเดิมต้องการฉีดเป็นไม่ต้องการฉีดร้อยละ 8.7

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ