ปลัดมหาดไทย เป็นประธานสักการะพระร่วงโรจนฤทธิ์ วาระประดิษฐานครบ 107 ปี มีพี่น้องประชาชนทั่วสารทิศร่วมพิธีกว่า 5,000 คน
วันที่ 2 พ.ย.65 ที่วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม พระเทพมหาเจติยาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม รองเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พลตำรวจโท กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายชาติชาย โฆษิตวัฒนฤกษ์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์ นายศิริชัย ศิริชื่นวิจิตร ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 7 นายเกียรติศักดิ์ เทพผดุงพร ประธานบริษัท เทพผดุงพรมะพร้าว จำกัด และภาคีเครือข่าย ร่วมเป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีสักการะบูชาพระร่วงโรจนฤทธิ์ เนื่องในวันประดิษฐานพระร่วงโรจนฤทธิ์ ครบรอบ 107 ปี โดยมี พุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดนครปฐมและทั่วประเทศ ร่วมพิธีกว่า 5,000 คน
โอกาสนี้ พระเทพมหาเจติยาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม รองเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร ประธานสงฆ์ จุดตะเกียงไฟประทีปมหาสิริมงคล และนำประกอบพิธีสักการะบูชาพระร่วงโรจนฤทธิ์ เนื่องในวันประดิษฐานพระร่วงโรจนฤทธิ์ ครบ 107 ปี และกล่าวคำบูชาพระร่วงโรจนฤทธิ์ เป็นภาษาบาลี ซึ่งมีความหมายว่า
“พระพุทธรูปพระองค์ใด ซึ่งมีอภินิหารไม่น้อย มีพระพุทธลักษณะอันงดงามผุดผ่อง พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสุนทร มหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงถวายพระนามว่า “พระร่วงโรจนฤทธิ์ ศรีอินทราทิตย์ธรรมโมภาส มหาวชิราวุธราช ปูชนียบพิตร” เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติ แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ประดิษฐานอยู่ ณ วิหารมณฑลด้านทิศเหนือ แห่งองค์พระปฐมเจดีย์ จวบเวลาถึง 107 ปี ได้แผ่พระบารมีปกเกล้า ไปยังพุทธศาสนิกชนทั่วทุกทิศ ปรางค์ประหนึ่งว่า พระพุทธองค์ทรงสถิตประทับยืนอยู่ ณ นิโครธารามริมฝั่งแม่น้ำโรหินี ใกล้เมืองกบิลพัสด์ ทรงโปรดพระยูรญาติทั้งสองฝ่าย ให้คลายจากมานะทิฏฐิ อยู่ร่วมกันด้วยความร่มเย็นเป็นสุข ข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมเกล้าวันทา พระร่วงโรจนฤทธิ์พระองค์นี้ ซึ่งเป็นที่นำบุญมาให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ผู้นมัสการอยู่ แม้พระปฐมเจดีย์ใหญ่ใด ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และเป็นที่ประดิษฐานองค์พระร่วงโรจนฤทธิ์ ซึ่งมีปาฏิหาริย์ไม่น้อย งดงามดุจรัศมีแห่งพระจันทร์ในยามราตรี ข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมเกล้าวันทาพระปฐมเจดีย์นี้ ซึ่งเป็นที่นำบุญมาให้ แก่ผู้ทัศนาอยู่เสมอ ข้าพระพุทธเจ้า ขอนมัสการ พระร่วงโรจนฤทธิ์ พระบรมสารีริกธาตุ และองค์พระปฐมเจดีย์ที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งควรนมัสการโดยส่วนเดียว ด้วยเครื่องสักการะที่นำมาพร้อมแล้วนี้ได้แล้วซึ่งบุญอันใด ด้วยอานุภาพแห่งบุญนั้น ขอให้ข้าพเจ้า จงมีความสุข เป็นผู้ไม่มีเวร ปราศจากอันตราย เจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรมเป็นนิตย์เทอญฯ”
ทั้งนี้ ในช่วงเช้าวันนี้ พระเทพมหาเจติยาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม รองเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร ประธานสงฆ์ ได้ประกอบพิธีสักการะบูชาพระร่วงโรจนฤทธิ์ ซึ่งเครื่องบูชาประกอบด้วย ไข่ต้ม ไก่ต้ม ผลไม้ ต้มยำ ขนมถ้วยฟู ทองหยอด ฝอยทอง น้ำชา และได้สวดมนต์ขอพรหลวงพ่อพระร่วงโรจนฤทธิ์ให้ประชาชนชาวจังหวัดนครปฐม และชาวไทย มีความปลอดภัย ร่มเย็นเป็นสุขปลอดภัย
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า พระร่วงโรจนฤทธิ์ ศรีอินทราทิตย์ธรรโมภาส มหาวชิรวุธราชบูชนิยบพิตร หรือ “พระร่วงโรจนฤทธิ์” เป็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติ ศิลปะสุโขทัย ประดิษฐานที่พระวิหารด้านทิศเหนือของพระปฐมเจดีย์วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม มีพุทธลักษณะปรากฏตามประวัติการสร้าง เมื่อการหล่อหลอมองค์พระพุทธรูปครั้งแรกได้สำเร็จลงแล้ว พนักงานจึงได้เข้าเฝ้ากราบบังคมทูลฯ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตร แต่ปรากฎว่าไม่เป็นที่ต้องพระราชหฤทัย ต่อมาเมื่อนายช่างทราบถึงพระราชประสงค์อันแท้จริง จึงหล่อให้พระอุทรพลุ้ยยื่นออกมาเหมือนคนอ้วน และใกล้จะลงพุงต่างจากครั้งแรก ซึ่งหล่อตรงพระอุทรแบบธรรมดาเท่านั้น ครั้นหล่อเรียบร้อยแล้ว จึงเข้าเฝ้ากราบบังคมทูลฯ ทอดพระเนตร คราวนี้ปรากฎว่าพระองค์ทรงพอพระทัยเป็นอย่างมาก ถึงออกพระโอษฐ์ตรัสชมความสามารถในเชิงฝีมือของนายช่าง ทั้งนี้ พระองค์มีพระราชประสงค์ที่จะให้พสกนิกรทราบว่า พระพุทธรูปองค์นี้พระองค์ทรงสร้างและทรงฝากอนุสาวรีย์ที่พระอุทร เนื่องด้วยพระองค์ทรงมีพระอุทรสมบูรณ์เป็นพิเศษ หากใครมานมัสการสังเกตเห็นพระอุทรของพระพุทธรูปก็จะได้รำลึกถึงพระองค์ ดังนั้นเมื่อเรามองทางด้านตรงพระพักตร์ ก็จะเห็นว่ามีพระพุทธลักษณะงดงามสม่ำเสมอ แต่ถ้ามองทางด้านข้างทั้งเบื้องขวาและซ้ายแล้ว จะเห็นว่าพระอุทรพลุ้ยออกมา โดยเมื่อการหล่อสำเร็จแล้ว พระพุทธรูปนั้นมีขนาดสูงแต่พระบาทถึงยอดพระเกศ 12 ศอก 4 นิ้ว (7.42 เมตร) สมบูรณ์ด้วยพระพุทธลักษณะทุกประการ เป็นพระพุทธรูปที่สวยงามองค์หนึ่งของเมืองไทย
“พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีความผูกพันกับพระร่วงโรจนฤทธิ์ โดยมีพระบรมราชโองการสั่งข้อความเป็นพระราชพินัยกรรม ตามหนังสือพระบรมราชโองการวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2463 ความว่า “ข้อ 17 พระอังคารขอให้บรรจุใต้ฐานพระร่วงโรจนฤทธิ์ ที่พระปฐมเจดีย์ ในโอกาสอันเหมาะ ซึ่งไม่ติดต่อกับงานพระเมรุ” ครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 หลังจากถวายพระเพลิงพระบรมศพแล้ว พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคารจากวัดพระศรีรัตนศาสดารามมาบรรจุในฐานพระร่วงโรจนฤทธิ์ ในวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2469 และในกาลต่อมา เมื่อพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีในรัชกาลที่ 6 และสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวกับพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี สิ้นพระชนม์ หลังจากพระราชทานเพลิงพระศพแล้ว พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระอังคารของทั้งสองพระองค์มาประดิษฐานที่ผนังเบื้องหลังพระร่วงโรจนฤทธิ์” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวต่อ
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า พระร่วงโรจนฤทธิ์ เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดนครปฐมและชาวไทยทั่วประเทศมานับแต่โบราณกาลจวบจนปัจจุบัน และจากประวัติความเป็นมาที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น การกราบไหว้บูชาพระร่วงโรจนฤทธิ์ ยังเป็นอนุสรณ์ให้พวกเราผสกนิกรชาวไทยได้รำลึกนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้พระราชทานโปรดเกล้าฯ ก่อสร้างองค์พระร่วงโรจนฤทธิ์ ให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตคู่บ้านคู่เมืองนครปฐมและประเทศไทย จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน ได้หาโอกาสอันเป็นมงคลในชีวิตมากราบสักการะพระร่วงโรจนฤทธิ์ เพื่อขอพรจากองค์ท่านให้ชีวิตมีแต่ความสุขความเจริญตลอดไป