สมุทรปราการแตก “ก้าวไกล” ปราศรัยใหญ่ ด้อมส้มล้นหลักหมื่น แซงทุกเวที “พิธา” ลั่น ขอเปลี่ยนชื่อถนนบางนา-ตราดเป็นถนน ประชาธิปไตย ด้าน “ธนาธร” ชี้ประเทศไทยจะไปไกลว่านี้ต้องแก้โครงสร้าง
วันที่ 5 พ.ค.2566 ที่ลานหน้าศาลากลาง จ.สมุทรปราการ พรรคก้าวไกล จัดเวทีปราศรัยใหญ่ นำโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค , นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล , นายเซีย จำปาทอง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ
ท่ามกลางประชาชนชาวสมุทรปราการ ให้ความสนใจแห่มาให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นนั่งรับฟังนโยบายของพรรคกันแน่นลานหน้าศาลากลาง ซึ่งนับเป็นเวทีปราศรัยที่มีคนมาฟังมากที่สุดตั้งแต่พรรคก้าวไกล จัดเวทีปราศรัย โดยทีมงานได้เตรียมเก้าอี้ไว้ 600 ที่นั่งรองรับ แต่ปรากฎว่าวันนี้มามากกว่า 10,000 คน
นายธนาธร กล่าวปราศรัย โดยถามผู้ฟังปราศรัยว่าตื่นเต้นหรือไม่ เพราะใกล้ถึงวันเลือกตั้งแล้วและอยากรู้หรือไม่ว่าคณะรัฐมนตรีในสมัยน่าจะเป็นอย่างไร ลุงจะได้อยู่ต่อหรือไม่และใครจะเป็นนายกวันนี้ดีใจมาก คงไม่ต้องพูดถึงนโยบายอีก อีก 10 วันสุดท้ายขอพูดถึงความสำคัญของการเลือกพรรคก้าวไกล ที่ครั้งนี้ใช้คำขวัญว่า “กาก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม” เพราะก้าวไกลอยากให้ประชาชนเชื่อมั่นในสิทธิ์และเสียงของตัวเอง
วิธีการแก้ปัญหาของก้าวไกลแตกต่างจากพรรคอื่น เราไม่เชื่อในการแก้ปัญหาแบบปะผุ หากอยากพาประเทศไทยไปไกลกว่านี้ต้องแก้ที่โครงสร้าง เช่น เรื่องค่าไฟแพง ที่ต้องแก้ระบบผูกขาดกลุ่มทุน ยกเลิกนโยบายที่เอื้อให้กลุ่มทุน ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นตออย่างแท้จริง รวมถึงการควบรวมระบบโทรคมนาคม การผูกขาดการผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
นายธนาธรยังกล่าวถึงการแก้ปัญหายาเสพติด ที่จะทำได้ก็ต่อเมื่อมีการปฏิรูปตำรวจ พร้อมยกการอภิปรายวงการตำรวจของนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่ชี้ให้เห็นว่าตำรวจจะเติบโตในหน้าที่ได้ต้องมีตั๋ว ระบบแบบนี้เอื้อให้ตำรวจชั้นผู้น้อยใช้ช่องว่างทางกฎหมายเอาเปรียบประชาชน เพื่อแลกตั๋ว ดังนั้นการจะแก้ปัญหายาเสพติดด้วยการจับผู้ค้าไม่ใช่วิธีที่ได้ผล หากจะแก้ได้ต้องปฏิรูปตำรวจ ซึ่งทำได้ไม่ยากหากให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกฯ
” 4 ปีที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลพิสูจน์แล้วว่า กล้าเผชิญกับทุกเรื่อง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนทั้งกลุ่มทุน ปฏิรูปตำรวจ ไอโอ แต่ปัญหาที่เลี่ยงไม่ได้คือการเมืองที่เกิดขึ้นในรอบนี้กินเวลาถึง 16 ปี จากการรัฐประหาร 2549 ที่ก่อผลและยังแก้ไม่จบ 17 ปีที่ผ่านมามีการยุบพรรคที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน กระบวนการนิติรัฐนิติธรรมถูกบิดเบือน ฝ่ายที่มีอำนาจทำอะไรก็ไม่ผิด ขณะที่อีกฝ่ายทำอะไรก็ผิดเสมอ คนที่เรียกร้องประชาธิปไตยถูกคุกคาม ติดคุก หลายคนต้องลี้ภัยเยาวชนก็ถูกยัดเยียดคดีจากการออกมาแสดงความเห็น “
นายธนาธร กล่าวต่อว่า ดังนั้นภารกิจจากรุ่นสู่รุ่นคือการสร้างสังคมที่ดี ลูกหลานควรได้เติบโตในสังคมที่ดีกว่าเรา ไม่มีโอกาสไหนดีกว่านี้ นี่คือช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ สำหรับการปฏิรูปกองทัพ หากไม่แก้ต้นตอการทำรัฐประหารก็จะวนเวียนแบบนี้ รู้ว่าแม่ยากแต่ก็จำเป็นต้องทำ เพื่อลูกหลานไม่ต้องเจอรัฐประหารอีก หากไม่ทำวันนี้จะทำวันไหน
พวกเราถากถางมาเท่าไหร่กว่าจะพาสังคมและเปิดหน้าต่างแห่งโอกาสนี้ได้ แล้วเราจะไม่ฉกฉวยโอกาสนี้ไว้หรือ วันนี้มีตัวเลือกเยอะ เป็นข้อดีของประชาธิปไตย แต่ปัญหาต่างๆจะคลี่คลายถ้ามีนายกชื่อพิธา พรรคก้าวไกล จะทำสองอย่างพร้อมกันทั้งเศรษฐกิจและการเมือง
โดยช่วงท้ายของนายธนาธรปราศรัย นายพิธา เดินทางมาถึงพอดี ได้ขึ้นไปรอบนเวที ทำให้แฟนคลับแห่ส่งเสียงกรี๊ด
จากนั้น นายพิธา กล่าวปราศรัยว่า ปราการแตกแล้ว คลื่นแห่งความหวังมาแล้ว คลื่นแห่งความเปลี่ยนแปลงมาแล้วมั่นใจเหลือเกินว่าคืนเหล่านี้จะส่งให้ผู้สมัครทั้ง 8 เขตชนะการเลือกตั้ง คราวที่แล้วสมุทรปราการมาเป็นที่สอง มาครั้งนี้จะเป็นที่หนึ่งให้ได้ยกจังหวัด ตนขออนุญาตเปลี่ยนชื่อถนนบางนาตราดของสมุทรปราการเป็นถนนแห่งประชาธิปไตย นอกจากนี้จะต้องก้าวไกลทั้งแผ่นดิน ชาวสมุทรปราการอาจไม่รู้ว่าเพราะทุกคนทำให้ตนเป็นนักการเมืองที่ดีขึ้น ผมขอบคุณมาก
“ตั้งพรรคก้าวไกลครั้งแรกก็ที่สมุทรปราการ ประชุมพรรคครั้งแรกก็ที่สมุทรปราการ ตอนมีโควิด-19 ก็ลงพื้นที่ครั้งแรกที่สมุทรปราการ เลือกตั้งซ่อมครั้งแรกที่สมุทรปราการ รวมถึงการลงพื้นที่ช่วยประชาชนครั้งแรกก็ที่สมุทรปราการ จากเหตุไฟไหม้โรงงานหมิงตี้ ผมเป็นหนี้คนสมุทรปราการหากไม่มีชาวสมุทรปราการผมคงไม่เป็นนักการเมืองมาถึงวันนี้” นายพิธากล่าว
นายพิธา กล่าวต่อว่า การลงพื้นที่ทำให้ได้คุยกับผู้สูงอายุที่สะท้อนเรื่องเบี้ยยังชีพ ที่ลำบากมาก เบี้ยผู้สูงอายุซื้อได้แค่ไข่ต้มฟองเดียว แต่โชคดีที่ตนกินไข่ต้ม 2 ใบ จึงเข้าใจความเดือดร้อนของประชาชน ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเปลี่ยนงบกองทัพให้เป็นงบของประชาชน
นายพิธา ยังย้ำจุดยืนว่ามีลุงมีไม่มีเรา และมีเรา ไม่มีลุง และหลังจากนี้จะเป็นการเมืองแห่งความเปลี่ยนแปลงการเมืองแห่งความเป็นไปได้ และความหวัง พอกันที 8 ปีที่มืด 8 ด้าน ปัญหาอันดับหนึ่ง ของชาวสมุทรปราการคือแรงงานที่เข้าไม่ถึงสวัสดิการ
” ประการต่อมาที่ต้องได้รับการแก้ไขคือขยะ ต้องขจัดมันออกไป กลิ่นเหม็น ต้องนำกลิ่นความเจริญ ผมเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อไหร่ พี่น้องชาวสมุทรปราการ ได้เลือกตั้งผู้ว่าฯแน่นอน ปัญหาต่างๆต้องให้คนสมุทรปราการ คนท้องถิ่นแก้ไข ถ้าวิสัยทัศน์แบบนี้ เป็นสิ่งที่ทุกคนชอบ ให้เอาความกลัวไว้ข้างหลัง เอาความหวังไว้ข้างหน้า เลือกพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เลือกก้าวไกลในวันที่ 14 พ.ค. อีก 9 วัน พรรคก้าวไกลจะไม่แผ่ว มีแต่เร่งๆ สู่อนาคตของพวกเรา ”