‘ประยุทธ์’ ย้ำการศึกษาสำคัญ ลั่นเด็กไทยทุกคน ต้องได้โอกาสเท่าเทียมกัน ไม่ถูกปิดกั้น

Home » ‘ประยุทธ์’ ย้ำการศึกษาสำคัญ ลั่นเด็กไทยทุกคน ต้องได้โอกาสเท่าเทียมกัน ไม่ถูกปิดกั้น


‘ประยุทธ์’ ย้ำการศึกษาสำคัญ ลั่นเด็กไทยทุกคน ต้องได้โอกาสเท่าเทียมกัน ไม่ถูกปิดกั้น

‘ประยุทธ์’ ย้ำการศึกษาสำคัญ ควบคู่กับเรื่องเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ ลั่นเด็กไทยทุกคน ต้องได้โอกาสเท่าเทียมกัน ไม่ถูกปิดกั้น

เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2565 ซึ่งเป็นวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โพสต์ข้อความถึงเด็กและเยาวชน ว่า “ลูกหลานไทยที่เป็นอนาคตของชาติ และพี่น้องประชาชนครับ”

เนื่องใน “วันเด็กแห่งชาติ” ปี 2565 ผมได้มอบคำขวัญว่า “รู้คิด รอบคอบ รับผิดชอบต่อสังคม” โดยคาดหวังให้เยาวชนไทยมีความคิดที่สร้างสรรค์ รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัล ในศตวรรษที่ 21 รู้หน้าที่และมีความรับผิดชอบ ทั้งต่อตนเอง สังคม ประเทศชาติ และสังคมโลก ควบคู่กับการมีคุณธรรมและจริยธรรมอันดี เพื่ออยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมได้อย่างมีความสุข พร้อมทั้งยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และเติบใหญ่เป็นพลเมืองดี ของบ้านเมือง เป็นทรัพยากรอันทรงคุณค่าในการขับเคลื่อนประเทศให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป

สำหรับเยาวชนนั้น “การศึกษา” เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง และเป็นสิ่งที่ตัวผมเองให้ความสำคัญควบคู่กับเรื่องเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนไทยทุกคน โดยสิ่งที่ผมถือเป็นภารกิจสำคัญของผมและรัฐบาล ที่พยายามจะทำให้สำเร็จให้มากที่สุดในเวลาที่เหลืออยู่ คือการให้ “ความเสมอภาคทางโอกาส”

โดยผมตั้งเป้าหมายว่า เด็กไทยทุกคน ต้องได้รับโอกาสในการศึกษา การพัฒนาศักยภาพของตนเองให้ได้มากที่สุด จะต้องไม่มีเด็กไทย หรือเด็กคนไหนที่อยู่บนผืนแผ่นดินไทยภายใต้พระบรมโพธิสมภาร ถูกปิดกั้นหรือจำกัดโอกาสทางการศึกษาและพัฒนาศักยภาพของตนเอง เพียงเพราะฐานะ ถิ่นกำเนิด หรือปัจจัยส่วนบุคคลอื่นๆ ทุกคนต้อง “ได้รับสิทธิในโอกาส” ที่เท่าเทียมกันให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

โดยที่ผ่านมา รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมสำหรับการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ ที่ทรงคุณค่าของประเทศในหลายๆ ด้านที่สำคัญ ได้แก่

1.การสร้างกองทุนต่างๆ เพื่อช่วยเหลือทางการศึกษา นอกจากการแก้ปัญหากองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์แล้ว รัฐบาลยังได้ผลักดันให้เกิดกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) รวมทั้งสร้างกลไกในการทำงานจนสามารถช่วยเหลือเยาวชนกลุ่มเปราะบางนับล้านราย ไม่ให้หลุดจากระบบการศึกษา สร้างความเสมอภาคในสังคมไทยกับเด็กไทย ที่แม้จะเลือกเกิดไม่ได้ แต่การศึกษาจะยกระดับฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับทุกคนได้

2.การสร้างโอกาสงานและอาชีพแห่งอนาคต เช่น เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) และเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) ที่ไม่เพียงจะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ “นวัตกร” เพื่อให้เด็กไทยในวันนี้ พร้อมที่ก้าวไปสู่เยาวชนยุคศตวรรษที่ 21 แล้ว ยังเป็นพื้นที่นัดพบของนักการศึกษา นักวิจัย นักลงทุน และผู้ประกอบการ ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ

โดยมีเป้าหมายในการยกระดับและพัฒนาอุตสาหกรรมไอซีทีเดิมไปสู่อุตสาหกรรมดิจิทัลยุคใหม่ (New S-Curve Digital Industry) ที่เป็นกลไกสำคัญในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ “ประเทศไทย 4.0” อีกทั้งจะเป็นโมเดลการพัฒนาของเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) อีก 10 แห่ง ที่จะกระจายทั่วทุกภูมิภาคของประเทศอีกด้วย

3.การวางเครือข่าย “เน็ตประชารัฐ” ให้ครบทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ เพื่อให้เด็กๆ มีโอกาสอย่างเท่าเทียมในการเข้าถึงองค์ความรู้จากทั่วโลก เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ ค้นคว้า ศึกษา วิจัย รองรับการศึกษาทางไกล ทั้ง Online, On-site และ On demand สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลก และสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีโครงการอีกมากที่ผมและรัฐบาลได้วางแนวทางมอบหมายหน่วยงานต่างๆ ที่จะช่วยยกระดับ สร้างโอกาส ผลิตเยาวชนไทยให้มีอนาคตที่ดี ไปพร้อมๆ กับการพัฒนาประเทศอย่างรอบด้านและยั่งยืน ทั้งด้าน “STEM” (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์) แต่ไม่ละเลยด้าน “ศิลปะ” (Art) วัฒนธรรมไทย ความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งรวมเป็นแนวทาง “STEAM” รวมไปถึงโครงการที่ปลูกฝังแนวคิดการเป็น “ผู้ประกอบการ” (Entrepreneurial Spirit) ในอาชีพแห่งอนาคตต่างๆ มากมาย ที่มีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมตั้งแต่วัยเยาว์ จะได้มาช่วยกันพลิกโฉม ขับเคลื่อนประเทศชาติในวันข้างหน้ากันต่อไปครับ

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ