ประยุทธ์ ปลุกใจ ‘เลือดสุพรรณ’ มาด้วยกันจะไปกับสุพรรณ บอกแม้ไม่ได้เกิดที่นี่ แต่เป็นนายกฯ ของประเทศไทยไปทุกจังหวัด ขอประชาชน ใจสู้เหมือนตัวเอง ที่ระวังไม่ให้ใจป่วยกลัวตายก่อน
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 9 ธ.ค.64 ที่พล ม.2 รอ.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และคณะ เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ จากสนาม พล.ม. 2 รอ. ไปยังสนามเฮลิคอปเตอร์สุพรรณบุรี ต.สนามชัย อ.เมืองสุพรรณบุรี จากนั้นเวลา 09.30 น. เดินทางต่อไปยังธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาตลาดกลางสินค้าเกษตรสุพรรณบุรี ต.วังน้ำซับ อ.ศรีประจันต์
เป็นประธานพิธีส่งมอบเงินตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวและมาตรการคู่ขนาน ปีการผลิต 2564/65 ให้กับกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศและให้กับผู้แทนเกษตรกรจังหวัดสุพรรณบุรี จำนวน 7 ราย และผู้แทนสหกรณ์การเกษตร 2 ราย โดยมี พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ร่วมคณะ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับประชาชนในงานตอนหนึ่งว่าสิ่งแรกที่ผมนึกถึงเมื่อมาเมืองนี้คือเพลงเลือดสุพรรณ มาด้วยกันไปด้วยกัน เลือดสุพรรณของเรานี้เอย ของหลวงวิจิตวาทการ แล้วก็เคยมีละคร นางเอกชื่อดวงจันทร์ ลองไปเปิดดูในกูเกิ้ล มาด้วยกันไปด้วยกันเลือดสุพรรณ
“แม้ว่าผมไม่ได้เกิดที่สุพรรณบุรี แต่ผมก็เกิดในประเทศไทย เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย และก็ไปทุกจังหวัด วันนี้มาสุพรรณบุรี ก็ต้องไปกับสุพรรณ” นายกรัฐมนตรี กล่าวและว่า ยินดีที่ได้มาเป็นประธานมอบเงินตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร เป็นการนำร่องจ่ายบัญชีธนาคารธ.ก.ส.ให้ถึงพี่น้องเกษตรกรชาวนา จ.สุพรรณบุรี พร้อมกับจังหวัดอื่นทั่วประเทศ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ส่งความสุขให้เกษตรกรทั่วประเทศ
สิ่งที่รัฐบาลเป็นห่วงคือ ห่วงใยพี่น้องเกษตรกรทุกคน เพราะทุกคนคือกระดูกสันหลังของชาติ บรรพบุรุษตนก็ทำการเกษตร เคยไปดูไปเยี่ยม ค่อนข้างจะรู้ดีถึงความยากลำบากการทำเกษตร มีความเพียรพยายามและประสบความเสี่ยงกว่าจะได้ผลผลิตออกมา ยืนยันรัฐบาลให้ความสำคัญภาคการเกษตร ซึ่งทำให้ประเทศไทยเจริญเติบโต
สิ่งที่รัฐบาลต้องการคือให้ประชาชนมีความมั่นคงทางรายได้ หลายมาตรการรัฐบาลทำไว้และต้องหาความเหมาะสมอีกหลายมาตรการ เพื่อทำให้พี่น้องของเราดีขึ้น เป็นกระดูกสันหลังที่แข็งแรง มีรอยยิ้ม รัฐบาลทราบดีทุกคนมีปัญหา จึงต้องปรับเพื่อให้พี่น้องมีความมั่นคงทางรายได้ ซึ่งยากพอสมควรเพราะคนจำนวนมาก แต่ในฐานะผู้นำรัฐบาลจะพยายามทำให้ดีที่สุด ให้เกิดความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีหลายมาตรการที่เกิดขึ้นมาใหม่ รวมถึงโครงการบ้าน ทุกโครงการดีหมด เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงพัฒนาคุณภาพชีวิตในทุกมิติ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลส่งเสริมการผลิตตลาดข้าวครบวงจร ตนคุยกับรมว.คลัง เพื่อหาตลาดกลางในลักษณะนี้ เพื่อให้คนเข้าถึงเป็นภาคเป็นจังหวัดใหญ่ๆ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั่วถึง จึงต้องฝากโครงการเหล่านี้กับธ.ก.ส. ถ้าเราสร้างความเข้มแข็งได้ก็จะมีความมั่นคงยั่งยืน ตนเข้าใจหลายกลุ่มมีหนี้สินจำนวนมาก รัฐบาลก็ต้องพยายามแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ได้
ในขณะที่งบประมาณก็มีจำกัด สิ่งสำคัญคือทำอย่างไรไม่ให้มีหนี้สิน ทำอย่างไรให้มีหลักคิดและปลูกพืชอย่างระมัดระวัง เจ้าหน้าที่รัฐต้องทำด้วยความสุจริต พวกเราต้องนึกถึงบรรพบุรุษในเรื่องการทำนาทำไร่ วันนี้ปรับมาใช้เครื่องยนต์เครื่องจักรมากขึ้น ลองไปพิจารณาดูว่าจะกลับไปใช้อะไรบ้างเพื่อที่จะลดการใช้แรงงาน สิ่งสำคัญคือความมั่นคงด้านการตลาด โดยเฉพาะข้าวมีการแข่งขันหลายประเทศ ข้าวหอมมะลิก็มีเหมือนเรา ทำให้แข่งสู้กับเขายากเพราะราคาเราสูง
ดังนั้น ต้องหาทางลดต้นทุนการผลิต ตรงนี้ต้องคิดกัน นายกฯไม่เคยหยุด มอบหมายกระทรวงที่เกี่ยวข้องไปแล้ว ต้องเน้นข้าวปลอดภัยเพื่อสุขภาพและหาตลาดให้ได้ ทุกอย่างต้องมีสตอรี่ เพื่อให้ขายออก เรื่องตลาดเป็นหน้าที่ของหน่วยงานราชการ และส่งเสริมเกษตรกรให้เป็น Smart Farmer ขอให้เรียนรู้เพิ่มเติมทางสื่อโทรทัศน์และทางโทรศัพท์เพื่อเป็นตัวอย่าง ซึ่งตนบังคับไม่ได้แต่ขอให้ทุกคนติดตามเพื่อให้เกิดความสำเร็จ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอให้ช่วยกันสร้างการเรียนรู้ทั้งกระบวนการ รวมถึงวิจัยแปรรูปข้าวมาทำอย่างอื่น ให้เกิดประโยชน์เพื่อเพิ่มมูลค่าข้าว ตนต้องการให้ทุกคนเข้าถึงทุกอย่างไม่ได้แยกว่าใครจนใครรวย เพียงแต่เราต้องดูแลคนมีรายได้น้อย ทำอย่างไรให้คนเข้าถึง อย่าให้ใครมาบิดเบือนคำพูดตนอีก ที่มาวันนี้เพื่อที่จะเรียนว่า ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นมาตรการของใครก็ตามจะต้องผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
รวมถึงการใช้เงินแต่ละบาทแต่ละสตางค์ นายกฯ ต้องตัดสินใจที่จะเอาเข้าคณะรัฐมนตรีหรือไม่ เมื่อเงินงบประมาณไม่พอ มีน้อย นายกฯก็จำเป็นต้องปรับตรงนี้ นายกฯจะต้องสนับสนุนโครงการต่างๆ และอนุมัติให้เงินลงไป โดยต้องรักษาวินัยการเงินการคลังด้วย นั่นคือหน้าที่ของตน ถ้าตนไม่ทำก็จ่ายไม่ได้ มันเป็นงานบริหารที่พันไปหมด
สิ่งสำคัญต้องแก้ปัญหาร่วมกัน ต้องซื่อสัตย์ซื่อตรงต่อกัน ขอขอบคุณทุกภาคส่วน ที่สำคัญโครงการนี้ การใช้จ่ายเงินทั้ง 5 ประเภท ในเรื่องข้าวและภาคการเกษตรใช้มากกว่า 3 แสนล้านบาท และเข้าไป 4 แสนล้านบาทต่อปี ถือว่ามากที่สุด เพราะเรามีพี่น้องเกษตรกรมาก ตนต้องการเรียนให้ทราบเฉยๆ รัฐบาลมีหน้าที่จัดหาเงินมาดำเนินการโครงการเหล่านี้
“ขอบคุณท้องถิ่น ขอบคุณทุกหน่วยงาน ขอบคุณพี่ๆ รัฐมนตรีทั้หลาย ทุกคนต้องปรับเปลี่ยนหลักคิด ว่าทำอย่างไรจะให้เกิดความยั่งยืน สิ่งสำคัญอยากให้ทุกคนมีรอยยิ้ม ซึ่งจะทำให้ผมมีความสุขแต่ถ้ายังต้องช่วยกันอยู่แบบทุกวันนี้ ผมก็ห่วงใยตลอด กังวลทุกวัน วันนี้ยินดีที่ได้มาพบกัน เห็นบ้านเมืองสะอาด ก็ต้องขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัด ขอบคุณรัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วยฯทุกคน ขอบคุณหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา
ผมไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคใดแต่เป็นนายกรัฐมนตรี มาได้ทุกพรรค จะพรรคร่วมหรือไม่ร่วม เพราะผมมาดูแลประเทศไทย นี่คือแผ่นดินของเรา ฟังเพลงแล้วใช่หรือไม่ ทุกคนต้องปรับใจของเราให้มันสู้ ต้องสู้ สู้ ถ้ารู้สึกว่ามันไม่ไหวแล้ว มันก็จะไปดร็อปเรื่อยๆ ใจมันจะไป ถ้าใจไปร่างกายก็ป่วย ผมคิดอย่างนี้ ผมเองก็ต้องระมัดระวังที่สุด ใจอย่าป่วย ถ้าใจป่วยกายก็ป่วยไปด้วย ก็ตายกันพอดีทำอะไรไม่ได้สักอย่างให้กับพวกเรา วันนี้ยินดีที่มาพบและขอบคุณในการให้เกียรติ ในการต้อนรับ เสียสละเวลาอันมีค่ามาพบกับผมและใกล้ปีใหม่ขอถือโอกาสอวยพร
เนื่องในโอกาสปีใหม่ที่จะมาถึงนี้ ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย และเดชะบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ขอให้ดลบันดาลประทานพร ให้กับชาวจังหวัดสุพรรณบุรี ประชาชน เกษตรกร ข้าราชการ และนักการเมืองให้มีความสุขความเจริญ สุขภาพแข็งแรงประสบความสำเร็จตลอดไป”
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ เดินทักทายประชาชนและชมนิทรรศการผลงานทางการเกษตร โดยระหว่างนั้นได้มีการเปิดเพลงเลือดสุพรรณ คลอตลอดที่นายกฯ เดิน ขณะที่ชาวบ้านตะโกนให้กำลังใจว่า เรารักลุงตู่ ลุงตู่สู้ๆ โดยนายกฯ ได้มอบฟักทองให้ชาวบ้าน ขณะที่มีประชาชนบางส่วนถ่ายรูปทะเบียนรถไว้ด้วย
ทั้งนี้ ก่อนเดินทางกลับ ผู้สื่อข่าวถามนายกฯ ว่า วันนี้ดีใจหรือไม่ที่เห็นประชาชนเกษตรกรยิ้มแย้มแจ่มใส พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็จะทำให้เขามากขึ้น ตนเป็นห่วงเกษตรกรชาวนาทั้งหมด เรื่องอะไรก็ตามรัฐบาลรับทราบความเดือดร้อน แต่ต้องหามาตรการที่เหมาะสม
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้โบกมือให้กับประชาชนที่มารอส่ง ก่อนขึ้นรถเพื่อไปรับประทานอาหารกลางวัน ที่บ้านเรือนไทยของนายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรฯ เลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ อ.ศรีประจันต์