วันที่ 24 ม.ค.เอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกาแต่งตั้งนางจูเลีย เทอร์เนอร์ นักการทูต ซึ่งพูดภาษาเกาหลีได้ในตำแหน่งผู้แทนพิเศษระดับเอกอัครราชทูตเพื่อกดดันเกาหลีเหนือในประเด็นสิทธิมนุษยชน หลังจากเว้นว่างไป 6 ปี
ทำเนียบขาวระบุว่า นางเทอร์เนอร์ เป็นนักการทูตมาอย่างยาวนานและปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกในแผนกงานประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนและแรงงานที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ
นางเทอร์เนอร์สามารถพูดภาษาเกาหลีได้และเคยทำงานด้านสิทธิมนุษยชนเกาหลีเหนือในฐานะผู้ช่วยพิเศษในสำนักงานของผู้แทน กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ โดยหลังจากนี้นางเทอร์เนอร์ต้องรอการอนุมัติจากรัฐสภาเป็นลำดับถัดไปหลังได้รับการแต่งตั้งจากนายไบเดน ซึ่งคาดว่าจะมีเสียงคัดค้านเล็กน้อย
ตำแหน่งระดับเอกอัครราชทูตนี้ได้รับมอบอำนาจจากวุฒิสภาสหรัฐตามกฎหมายให้ทำหน้าที่ไม่เพียงในปัญหาด้านความมั่นคงแต่รวมถึงสิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือ หนึ่งในประเทศที่เป็นเผด็จการมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ตำแหน่งว่างตั้งแต่เดือนม.ค.2560 เมื่อนายโรเบิร์ต คิง ผู้แทนภายใต้รัฐบาลนายบารัก โอบามาลงจากตำแหน่ง เนื่องจากการเปลี่ยนผู้นำประเทศ ต่อมาในสมัยนายทรัมป์ ซึ่งมีนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหาทางที่จะกำจัดตำแหน่งผู้แทนดังกล่าว ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างในรูปแบบบริษัทเพื่อรวบตำแหน่งผู้แทนพิเศษให้เป็นหนึ่งเดียว
ต่อมานายไมก์ พอมเพโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศคนที่สองไม่ได้บรรจุคนทำงานในตำแหน่งนี้ เนื่องจากนายทรัมป์ดำเนินนโยบายทางการทูตกับนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ซึ่งผู้นำทั้งสองพบหารือกัน 3 ครั้ง บรรยากาศความตึงเครียดผ่อนคลายลง แต่ไม่นำไปสู่ข้อตกลงที่ถาวร
แม้นายไบเดนได้ให้คำมั่นหลายครั้งหลังขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐในปี 2564 ว่า สิทธิมนุษยชนจะเป็นศูนย์กลางของนโยบายการต่างประเทศ แต่ตำแหน่งนี้ยังคงถูกเว้นว่าง ซึ่งเมื่อปีที่แล้วเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ที่รับผิดชอบในประเด็นสิทธิมนุษยชนเกาหลีเหนือแสดงความผิดหวังที่รัฐบาลสหรัฐภายใต้นายไบเดนยังไม่แต่งตั้งผู้แทนพิเศษมาทำงานในประเด็นดังกล่าว
จากรายงานของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐระบุว่า มีการละเมิดสิทธิมนุษญชนอย่างกว้างขวางในเกาหลีเหนือรวมถึงการห้ามพฤติกรรมเห็นต่างอย่างเข้มงวด การประหารชีวิตต่อหน้าสาธารณชน และค่ายกักขังหมู่ ซึ่งนักโทษกลายเป็นแรงงานบังคับและอดอาหาร
……….
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คิมยิงขีปนาวุธส่งท้าย 2022 รวมทั้งปีทดสอบมาก “เป็นประวัติการณ์” 35 ครั้ง!