วันที่ 20 ก.ย.บีบีซีรายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกาประกาศว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศสหรัฐอเมริกาสิ้นสุดแล้ว แม้ว่าจำนวนชาวอเมริกันที่เสียชีวิตจากโควิด-19 ยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป
นายไบเดนกล่าวว่า ขณะที่สหรัฐยังคงมีปัญหา แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดกำลังดีขึ้นอย่างรวดเร็ว จากตัวเลขสถิติแสดงว่า ชาวอเมริกันโดยเฉลี่ยต่อวันกว่า 400 คน กำลังเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ขณะที่นายทีโดรส อัดฮานอม กีเบรเยซุส ผอ.องค์การอนามัยโลกหรือ WHO ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า การสิ้นสุดของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้
นายไบเดนกล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส ระบุว่า สหรัฐกำลังทำงานมากมายเพื่อควบคุมไวรัส “หากคุณสังเกต ไม่มีใครสวมหน้ากากอนามัยแล้ว” นายไบเดนกล่าวและว่า “ทุกคนดูเหมือนมีสุขภาพดีอย่างมาก ผมคิดว่าสถานการณ์กำลังเปลี่ยนแปลง”
แต่เจ้าหน้าที่ในรัฐบาลระบุว่า ข้อคิดเห็นของไบเดนดังกล่าว ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายและไม่มีแผนที่จะยกเลิกภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขของโรคโควิด-19 หลังจากเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สหรัฐเพิ่งขยายภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขจนถึงวันที่ 13 ต.ค. 2565 ซึ่งภาวะฉุกเฉินดังกล่าวบังคับใช้ตั้งแต่เดือนม.ค.ปี 2563
ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปสกินส์ระบุว่า ขณะนี้ชาวอเมริกันกว่า 1 ล้านคนเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ค่าเฉลี่ยต่อวันมีผู้เสียชีวิตกว่า 400 คน โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตกว่า 3,000 ราย
ด้านนายไมก์ ปอมเปโอ อดีตรมว.การต่างประเทศสหรัฐทวีตข้อความระบุว่า ไบเดนกล่าวว่าโรคระบาดสิ้นสุดแล้ว แต่ตนเองกลับไล่ให้นายทหารสุขภาพดีหลายพันคนไปฉีดวัคซีนตามคำสั่ง
ดร.แอนโธนี เฟาซี หัวหน้าสถาบันโรคติดเชื้อและโรคภูมิแพ้ของสหรัฐยอมรับว่าสถานการณ์ดีขึ้น แต่ระบุกับสถาบันคลังสมองก่อนหน้านี้ว่า ยอดผู้เสียชีวิตยังสูงอยู่ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่อาจยอมรับได้
………..