หลังจากกลายเป็นประเด็นดราม่าร้อนในโลกโซเชียลของวงการท่องเที่ยวไทยตอนี้เลย สำหรับแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดน่านที่ “บาหลี น่าน” ซึ่งได้มีการจำลองประตูสวรรค์ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังที่เป็นดั่งแลนด์มาร์คของเกาะบาหลีประเทศอินโดนีเซียมาไว้ที่บ้านกิ่วม่วง จังหวัดน่าน จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมากจากโลกโซเชียล
ล่าสุดทางผู้ประกอบการได้ออกมาโพสต์ชี้แจงรายละเอียดในประเด็นดราม่าดังกล่าวแล้วดังนี้
“ขอขอบคุณทุกคำติชมนะคะ
น่านเมืองเล็กๆกลางหุบเขา เมืองเก่าแก่ มีวัฒนธรรมแบบล้านนา มีธรรมชาติที่โดดเด่น คือเรามีภูเขาที่สวยงามสลับซับซ้อน หลายหลากสี มีทุ่งนาขั้นบันไดกลางหุบเขา มีลำธารที่ใสสะอาด มีทะเลหมอกที่สวยงาม อาชีพส่วนใหญ่เราจะทำไร่ข้าวโพด มันสำปะหลัง ทำนา ระยะหลังน่านเริ่มมีนักท่องเที่ยว เริ่มมีร้านอาหาร รีสอร์ต ห้องพักขึ้นมามากมาย ก่อนโควิดและหลังโควิด ด้วยภาวะเศษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้การท่องเที่ยวเมืองน่านชะลอตัว คนทำธุรกิจท่องเที่ยวเริ่มลำบากอยู่อยากขึ้น ประจวบเหมาะกับการที่เราคุยกับผู้ประกอบการบ้านกิ่วม่วง หลายๆท่าน หาแนวคิดหาวิธีทำให้บ้านกิ่วม่วงเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมากขึ้น แต่คอนเซ็พของเราคือเราจะไม่ทำอะไรซำ้กับของที่มีอยู่แล้ว เราเลยคิดทำประตูบาหลีขึ้นมา เพราะเราคิดว่าคนไทยอยากไปบาหลีเพื่อไปถ่ายรูปกับสิ่งนี้ แต่ด้วยระยะทางเวลา และการรอคิว ทำให้หลายๆคนคงไม่สะดวก ทางเราเลยสร้างบาหลีจำลองขึ้นมา เพื่อตอบโจทย์สิ่งนี้ ในแนวคิดที่ว่า ถ้าใครอยากได้ภาพสวยๆเหมือนบาหลีให้มาที่น่าน
ส่วนผลของการตอบรับ มันดีเกินคาด ภาพที่ออกไปลูกค้าประทับใจ มีการแชต่อๆกันจนเป็นไวรอล ลูกค้าหลายคนมาเที่ยวน่านเพื่อสิ่งนี้
ทางร้านเก็บค่าบริการ 50 บาท โพสได้ 4 ท่า โดยมีน้องๆ ในพื้นที่มาบริการไปถ่ายภาพให้รัวๆ ไม่จำกัดภาพ เพื่อให้คุณลูกค้าทุกท่านได้ภาพสวยๆกลับบ้าน (ภาพสวยถผูกใจทิปน้องช่างภาพได้นะคะน้องเขาหาเงินเพื่อเรียนต่อ)
ทางร้านเก็บเงิน แล้วwหนว่าทำเพื่อการท่องเที่ยวเมืองน่าน อย่างนี้โกหกกันชัดๆ เห็นแก่ตัวสุดๆ ทางร้านขออธิบายอย่างนี้นะคะ ยกตัวอย่างเคสลูกค้าวันเสาที่ผ่านมา คุณลูกค้าเคยไปบาหลีมาแล้วแต่คุณแม่ไม่ได้ไป แต่คุณแม่อยากไปถ่ายที่ประตูสวรรค์บาหลี แต่ด้วยระยะทางเวลาบิน4 ชม และต้องขึ้นภูเขา และวัฒธรรมอินดู ที่ห้ามใส่กระโปรง การรอคิว3-5 ชม ทางคุณแม่ไม่สะดวก พอดีเห็นรูปบาหลีในเมืองน่าน ก็เลยชวนคุแม่มาเที่ยวน่านแทน โดยการนั่งเครื่องบินมาเช่ารถที่สนามบิน ในตอนเย็น พักโรงแรมในตัวเมืองน่าน ทานอาหารร้านดีงในตัวเมือง ก่อนที่จะเดินถนนคนเดิน และเข้าพัก ตอนเช้ามาทานกาแฟที่ค่าแฟ่ที่กิ่วม่วงก่อนมาถ่ายรูปกับน้องแกะที่ไร่ปาแกะ และประตูบาหลี ก่อนเลยไปถนนหมายเลข3 และนอนที่รีสอร์ตสะปัน อีกวันไปเที่ยวดอยภูคาก่อนขึ้นไปพักที่สะกาด อีกวันเที่ยวปัวและวัดต่างๆในเมืองก่อนบินกลับ คุณคิดว่าใครได้อะไรจากทริปลูกค้าท่านนี้บ้าง นี่แค่ตัวอย่าง ไม่รวมทีมพี่บิ๊กไบรท์ที่ขึ่รถมาจากกทมเพื่อมาถ่ายรูป
ขอแก้ข่าวหน่อยนะคะทางเราไม่ได้ทำคาเฟ่ แต่มีค่าเฟติดกับเราคือกิ่วมเบสแคมป์ ปรกติน้องเขาขายวันละ30-40 แก้ว ตอนนี้ 3-4 ร้อยแก้ว คอนเซ็ปท์ของเราคือเราจะไม่ทำในสิ่งที่พื้นที่นั้นมีอยู่แล้วแต่เราจะทำให้ต่างเพื่อดูดกันส่งเสริมกัน ส่วนเรื่องก็อปปี้ ไม่เข้ากับวัฒนธรรมน่าน น่านมีวัฒนธรรมที่สวยงามมากมายอยู่แล้ว วัดในจังหวัดน่านถือเป็นที่สุด ทั้งเรื่องจำนวนที่เยอะที่สุดและความสวยงาม แล้วทางร้านจะทำมาอีกเพื่ออะไร ถึงทำไปก็ไม่ปัง ไม่รู้ว่าลูกค้าท่านใหนช่วยทางร้านผ่อนธนาคารบ้าง
ส่วนเรื่องก็อปปี้ ทำจำลอง อันนี้แทบจะไม่ต้องอธิบาย วิญญูชนทั่วไปก็เห็นไกันอยุ่ วัดญี่ปุ่น ประตูแดงญี่ปุ่น หอไอเฟล หอเอนปิซ่า เกลื่อนเมือง ไม่เป็นประเด็น มาเป็นแค่ของทางร้าน ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้แสดงว่ารักกันจริง”