ปมป.5ไม่กล้าไปรร. ครูหูเบา ไม่ฟังคำอธิบายเรียกไปด่า แม่เผย ครูติดต่อมาขอโทษแล้ว แม่เผยไม่กล้าปล่อยลูกไว้อยู่คนเดียว ลูกเป็นลมชัก
วันที่ 28 ก.ค. 2565 จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์รูปภาพนักเรียนหญิงใส่ชุดเนตรนารีในลักษณะกำลังร้องไห้อยู่ที่โซฟา พร้อมระบุข้อความว่า “การที่คุณครูพูดกับนักเรียนแบบนี้มันถูกแล้วเหรอ เมื่อวานน้องเราเลิกเรียนกลับมา น้องร้องไห้บอกว่าไม่อยากไปโรงเรียน แม่เลยถามว่าเป็นอะไร น้องบอกว่า น้องเราเล่นถักเปียกับเพื่อนตอนพักเบรก แล้วตอนจะเข้าเรียนจึงบอกเพื่อนว่ามาแกะเปียช่วยหน่อยเดี๋ยวครูจะด่า แต่มีคนได้ยินผิดแล้วไปฟ้องครูว่าน้องเราพูดว่าเกลียดครู
หลังจากนั้นครูเรียกน้องเราไปด่าว่า น้องเราพยายามอธิบายให้ฟังว่าเป็นยังไง ครูกลับมาว่าเธอหยุดพูดไปเลยฉันไม่อยากฟังเธอ น้องเราจึงหนีไปนั่งร้องไห้ในห้องน้ำ พอกลับไปห้องเพื่อนห้องอื่นที่ได้ยินครูด่าน้องจึงมาล้อเยาะเย้ยน้องเราว่าปากหมา ตอนนี้น้องเราจิตใจย่ำแย่ไม่ยอมไปรร.อยากย้ายรร. ขอคำตอบจากครูด้วยค่ะว่าทำไมจึงพูดกับเด็กอายุแค่นี้แบบนี้ น้องยังไม่เข้มแข็งพอที่จะได้รับคำพูดจากครูแบบนี้และไม่ฟังเหตุผลเด็กเลย
ปล.แม่ได้ทำการประชุมสายกับเพื่อนน้องในห้องเรียนแล้วว่าน้องได้พูดแบบนั้นจริงไหม เพื่อนน้องบอกว่าไม่ได้พูดแบบนั้นค่ะ เพื่อนที่ไปฟ้องได้ยินผิด โรงเรียนจะรับผิดชอบยังไงคะ ตอนนี้น้องเราไม่ยอมไปรร. #โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในหล่มเก่าจังหวัดเพชรบูรณ์
ต่อมาผู้สื่อข่าวจึงได้ติดต่อสอบถามไปยังผู้โพสต์ ซึ่งเป็นพี่สาวของนักเรียนคนดังกล่าว เปิดเผยว่าน้องสาวกำลังเรียนอยู่ชั้น ป.5 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเที่ยง วันที่ 27 กค.2565 ซึ่งเหตุการณ์นี้ส่งผลทำให้น้องสาวไม่อยากที่จะไปโรงเรียน เนื่องจากถูกเพื่อนๆ บูลลี่ สำหรับตนมองว่าครูน่าจะมีเหตุผลมากกว่านี้ ควรฟังคำพูดของเด็กด้วย หรือสอบถามนักเรียนคนอื่นๆ ด้วยที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่ใช่ใช้อารมณ์มาพูดกับเด็กแบบนี้
ขณะที่แม่ของนักเรียนคนดังกล่าว เปิดเผยว่า เมื่อวานพอน้องกลับมาจากโรงเรียน ก็จอดรถแล้ววิ่ฃไปหลังบ้านร้องไห้ ตนจึงรีบเดินตามไปดูและถามว่าเป็นอะไรทำไมถึงร้องไห้ น้องจึงบอกว่าโดนครูด่ามา ตนจึงถามว่าน้องไปทำอะไรผิดครูถึงด่า น้องบอกว่าหนูมัดผมเล่นอยู่กับเพื่อน แล้วคราวนี้แกะออกไม่ได้ เลยบอกเพื่อนมาช่วยแกะออกให้เดี๋ยวครูจะด่าเอา
แล้วบังเอิญมีเด็กนักเรียนชายคนหนึ่งวิ่งผ่านมาได้ยิน แล้วไปฟ้องครูว่า ครูครับผมได้ยินเด็กหญิงบีบอกว่าเกลียดครู แล้วครูก็ถามว่าครูคนไหน เด็กชายเอ(นามสมมุติ) ก็ตอบกลับไปว่า เกลียดคุณครูนั่นแหละ โดยเด็กชายเอ ให้เพื่อนอีก2 คนมาช่วยเป็นพยาน จากนั้นครูก็เรียกเด็กหญิงบี ไปด่า โดยที่ไม่ฟังน้องเลย ทั้งๆ ที่นัองมีพยานที่แกะผมให้น้องถึง 2 คน แต่ฟังความข้างเดียว
ขณะเดียวกันตนก็ได้โทรศัพท์ไปถามเพื่อนเด็กชายเอ ที่ไปเป็นพยานให้ โดนเพื่อนเด็กชายเอ ทั้ง2คน บอกว่า ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แต่ที่ทำเป็นเพราะกลัวว่าครูจะด่าเด็กชายเอ ซึ่งต่อมาครูคนดังกล่าว ได้ติดต่อมาขอโทษ และยอมรับว่าพูดจริง เพราะครูโมโห ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าเป็นครูถึงมาพูดแบบนี้กับเด็ก แล้วลูกก็ไม่กล้าที่จะไปโรงเรียน เพราะกลัวเพื่อนล้อทั้งๆ ที่ตนไม่ได้พูด และกลัวที่ต้องไปเจอครูคนดังกล่าวยังไงก็หลบไม่พ้นเพราะครูคนดังกล่าวเป็นครูประจำชั้นด้วย
ซึ่งไม่รู้ว่าครูจะแสดงปฏิกิริยาอย่างไร แต่ทางครูคนดังกล่าว ก็ได้รับปากว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้อีก ซึ่งตนก็ได้ขอร้องคุณครูด้วยว่าอย่าให้มีเหตุการณ์แบบนี้อีกเลย เพราะน้องมีโรคประจำตัวคือโรคชักเข้าสู่สภาวะโรคซึมเศร้า ต้องกินยาเป็นประจำ ตนยอมรับว่าโมโหครูคนดังกล่าวมากที่มาพูดแบบนี้กับน้อง เหมือนไปกระตุ้นให้น้องเครียด ซึ่งตอนนี้ตนก็รู้สึกวิตกกังวล และไม่กล้าทิ้งน้องให้อยู่ลำพัง เพราะกลัวว่าน้องจะเครียด และอาจเกิดอาการชักเกร็งขึ้นมาได้
แต่อย่างไรก็ตาม วันจันทร์นี้ ทางด้านผู้อำนวยโรงเรียนและคณะผู้บริหาร พร้อมด้วยคุณครูคนดังกล่าว จะเดินทางเข้ามาพูดคุยเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง และมารับน้องไปโรงเรียน ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าน้องจะยอมไปโรงเรียนหรือไม่