ปปง. แถลงการทำงาน สอบบัญชีม้า 3 หมื่นรายชื่อ มูลค่ากว่า 823 ล้าน

Home » ปปง. แถลงการทำงาน สอบบัญชีม้า 3 หมื่นรายชื่อ มูลค่ากว่า 823 ล้าน
ปปง.บัญชีม้า-min

นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน แถลงข่าว รายคดีสำคัญของสำนักงาน ปปง.

วันพฤหัสบดีที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 10.00 น. ณ บริเวณโถงหน้าห้องประชุม 101 ชั้น 1 สำนักงาน ปปง. นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน แถลงข่าว รายคดีสำคัญของสำนักงาน ปปง. ประจำเดือน กุมภาพันธ์ 2567 สำหรับการแถลงข่าวในวันนี้ เป็นการแถลงสรุปผลการดำเนินงานของสำนักงาน ปปง. ในช่วงเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมและการกระทำความผิดที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และประชาชนจำนวนมาก โดยกำชับให้หน่วยงานทุกภาคส่วนร่วมกันทำหน้าที่เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา โดยการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง มาบังคับใช้ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดโดยมีขอสรุป ดังนี้

1. ผลประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งได้ดำเนินการกับทรัพย์สิน 1,027 รายการ 50 รายคดี มูลค่าทรัพย์สินกว่า 3,729 ล้านบาท และมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทรัพย์สิน 37 รายคดี โดยมีการยึดและอายัดทรัพย์สิน จำนวน 26 รายคดี ทรัพย์สิน 228 รายการ พร้อมดอกผล โดยคดีสำคัญที่มีการยึดอายัดในคราวนี้ ได้แก่ คดีบริษัท STARK มูลค่าทรัพย์สินที่ยึดอายัดรวมประมาณ 2,541 ล้านบาท (รวม 2 คำสั่ง ยอดรวมประมาณ 2,895 ล้านบาท)

นอกจากนี้คณะกรรมการธุรกรรมได้มีมติให้ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน จำนวน 19 รายคดี ทรัพย์สิน 717 รายการ พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 1,090 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินในความผิดมูลฐานเกี่ยวกับยาเสพติด ฉ้อโกงประชาชนหรือการฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ การลักลอบหนีศุลกากร และการจัดให้มีการเล่นพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์

2. การดำเนินการตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 (พ.ร.ก. มาตรการฯ) โดยสำนักงาน ปปง. ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณากําหนดหรือทบทวนรายชื่อบุคคล ที่มีความเสี่ยงสูงฯ โดยพิจารณากําหนดรายชื่อบุคคลผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทําความผิดมูลฐานหรือเป็นเจ้าของบัญชีเงินฝากธนาคารที่ถูกใช้ในการกระทําความผิดมูลฐาน และนําฐานข้อมูลดังกล่าวเข้าสู่ระบบตรวจสอบรายชื่อบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงฯ เพื่อให้ธนาคารสามารถใช้มาตรการปิดช่องทางการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ขอบุคคลตามรายชื่อดังกล่าว อันเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้ร้ายทำธุรกรรมทางออนไลน์ได้

ปัจจุบันมีการพิจารณากําหนดรายชื่อบุคคล กรณีบัญชีม้า จํานวนกว่า 30,223 รายชื่อ โดยบุคคลกลุ่มนี้มีจํานวนบัญชีที่ธนาคารตรวจพบและแจ้งกลับกว่า 285,344 หมายเลขบัญชี มูลค่าเงินคงเหลือในบัญชีดังกล่าวรวมทั้งสิ้นประมาณ 823 ล้านบาท และในกรณีที่ สำนักงาน ปปง. ตรวจสอบพบการกระทำความผิดจะดำเนินการกล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มข้นอีกด้วย นอกจากนี้สำนักงาน ปปง. จะยกระดับการบังคับใช้มาตรการด้านการป้องกันตาม พ.ร.ก. อย่างเข้มข้นขึ้น

โดยจะใช้มาตรการที่เข้มงวดตามกรอบของกฎหมายในการกำกับดูแลผู้หน้าที่รายงานธุรกรรมตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 เช่น ธนาคารหรือผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น และหากพบว่ามีการฝ่าฝืนก็จะมีมาตรการบังคับโทษอย่างจริงจัง เพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนด้วย

  • นายกฯ เศรษฐา ตรวจเยี่ยม ปปง. มอบนโยบาย ปราบปรามอาชญากรรม
  • แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปลอมเอกสาร อ้างเป็น ปปง. หลอก ปชช.โอนเงิน
  • สำนักงาน ปปง. จัดโครงการเผยแพร่ผลการประเมินความเสี่ยงระดับชาติ ปราบฟอกเงิน ก่อการร้าย

3. การคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายในความผิดมูลฐานและผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินที่ยึดหรืออายัด สำนักงาน ปปง. ได้แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย เพื่อให้สามารถดำเนินการเพื่อคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายได้ทุกมูลฐาน รวมถึงกำหนดให้มีการออกกฎกระทรวงเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การปฏิบัติงานให้เกิดความชัดเจนต่อไปด้วย

โดยกฎกระทรวงดังกล่าวคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแล้วเมื่อวันอังคารที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา ผลจากการแก้ไขกฎหมายเพิ่มเติมดังกล่าว ทำให้ผู้เสียหายในความผิดมูลฐานสามารถยื่นคำร้องต่อ สำนักงาน ปปง. เพื่อขอให้คุ้มครองสิทธิที่ตนได้รับความเสียหายอันเป็นผลจากการกระทำความผิดมูลฐานได้ ซึ่งปัจจุบันมีคดีสำคัญๆ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายหลายคดี เช่น คดีหุ้น More คดีหุ้น STARK เป็นต้น

4. การคุ้มครองสิทธิผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด โดยสำนักงาน ปปง. ดำเนินการแก้ไขมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 เพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินสามารถร้องขอต่อศาลให้คุ้มครองสิทธิของตนได้ด้วย เช่น กรณีผู้ทำสัญญาจะซื้อทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดโดยสุจริตและได้ชำระเงินมัดจำให้ผู้จะขายไว้แล้ว ฯลฯ ในโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมของบริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด ทำให้ผู้สุจริตดังกล่าวได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมาย โดยผู้ที่ได้รับผลกระทบในกรณีนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ทำสัญญาจะซื้อจะขายกับบริษัทหรือผู้ที่รับเหมาก่อสร้างอาคารคอนโดฯ แม้จะเป็นกลุ่มบุคคลที่ได้รับผลกระทบ  ก่อนการแก้ไขกฎหมายในปี พ.ศ. 2565

สำนักงาน ปปง. ได้มีแนวทางเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบไว้แล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างส่งเรื่องไปประกาศราชกิจจานุเบกษาเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้ที่ทำสัญญาจะซื้อจะขายกับบริษัทที่อาจตกหล่นบางรายและผู้ที่รับเหมาก่อสร้างอาคารคอนโดฯ ทั้งหมด ก่อนจะดำเนินการคืนเงินแก่ผู้ที่มีส่วนได้เสียตามขั้นตอนต่อไป

นายเทพสุ บวรโชติดารา-min

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ