วันที่ 29 พ.ค. กองทัพเกาหลีใต้รายงานว่า เกาหลีเหนือได้ส่งบอลลูนจำนวนมากข้ามพรมแดนมาฝั่งเกาหลีใต้ โดยภายในบอลลูนบรรทุกสิ่งของต่างๆที่ดูเหมือนจะเป็นขยะและสิ่งปฏิกูล ทำให้เกาหลีใต้ต้องเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้ชายแดนให้ตื่นตัว
ภาพถ่ายที่เผยแพร่ในสื่อเกาหลีใต้เผยให้เห็นบอลลูนสีขาวลอยข้ามพรมแดนมาพร้อมถุงพลาสติกผูกติดอยู่ และอีกภาพหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะเป็นถุงพลาสติกที่แตกออก ทำให้ขยะเช่น ขวดพลาสติก, แบตเตอรี่, ชิ้นส่วนรองเท้า, ปุ๋ยคอก, มูลสัตว์ ฯลฯ กระจายเกลื่อนกลาด
เวลา 13:00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (11:00 น. ตามเวลาประเทศไทย) มีการตรวจพบบอลลูนข้ามแดนมาแล้วมากกว่า 200 ลูก โดยบางส่วนตกลงบนพื้น ขณะที่บางลูกยังคงลอยอยู่ในอากาศ
กองทัพกล่าวว่า มีผู้พบเห็นสิ่งของที่ไม่ระบุชื่อซึ่งเชื่อว่ามาจากเกาหลีเหนือ และเรียกร้องให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการสัมผัสวัตถุเหล่านั้นและแจ้งเจ้าหน้าที่ทหารหรือตำรวจทันที
รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเกาหลีเหนือออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 26 พ.ค. โดยให้คำมั่นว่าจะใช้ “พลังอันแข็งแกร่งในการป้องกันตัวเอง” และเตือนว่า “กองขยะและสิ่งโสโครก” จะถูกส่งไปยังเกาหลีใต้เพื่อตอบโต้ที่เกาหลีใต้มักส่งของสกปรกไปเกาหลีเหนือ โดยหมายความถึงกรณีที่นักเคลื่อนไหวมักส่งบอลลูนแนบใบปลิววิพากษ์วิจารณ์ คิมจองอึน และแฟลชไดรฟ์ใส่เพลงเคป็อปเข้าไปในเกาหลีเหนือ
ปีเตอร์ วอร์ด นักวิจัยจากสถาบันเซจอง กล่าวว่า การส่งบอลลูนข้ามแดนความเสี่ยงน้อยกว่าการดำเนินการทางทหารอย่างเปิดเผยมาก
“ยุทธวิธีโซนสีเทาเหล่านี้ยากต่อการตอบโต้และมีความเสี่ยงน้อยที่จะทำให้เกิดการลุกลามทางทหารอย่างควบคุมไม่ได้ แม้ว่าจะเป็นที่น่าสยดสยองสำหรับพลเรือนที่ตกเป็นเป้าหมายในท้ายที่สุดก็ตาม”
คณะเสนาธิการร่วม (JCS) ระบุว่า เกาหลีเหนือปล่อยบอลลูนข้ามแดนมาตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ 28 พ.ค. แล้ว บางลูกลอยไปไกลถึงจังหวัดคยองซังใต้ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ
JCS ระบุว่า นี่ถือเป็นเหตุการณ์ปล่อยบอลลูนจากเกาหลีเหนือมายังเกาหลีใต้ที่มากที่สุด เมื่อเทียบกับกรณีก่อนหน้าที่เกิดขึ้นระหว่างปี 2016-2018 JCS คาดว่าจำนวนจะเพิ่มขึ้นอีก โดยเจ้าหน้าที่ทหารกำลังรวบรวมสิ่งของในบอลลูนไปวิเคราะห์โดยละเอียด
“การกระทำเหล่านี้ของเกาหลีเหนือละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน และคุกคามความปลอดภัยของประชาชนของเราอย่างร้ายแรง เราขอเตือนเกาหลีเหนือให้หยุดการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมและหยาบคายโดยทันที” JCS กล่าว
ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้เกิดขึ้นหลังจากความพยายามในการปล่อยดาวเทียมสอดแนมทหารดวงที่ 2 ขึ้นสู่วงโคจรของเกาหลีเหนือประสบความล้มเหลว ซึ่ง เกาหลีใต้, สหรัฐฯ และ ญี่ปุ่น ประณามการปล่อยครั้งล่าสุด โดยระบุว่าเป็นการละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่สั่งห้ามเกาหลีเหนือยิงจรวดส่งดาวเทียมโดยใช้เทคโนโลยีขีปนาวุธ