ปชป. เปิดผู้สมัครภาคกลาง 106 เขต ปรับกลยุทธ์หาเสียง ตั้งเป้าได้ส.ส.มากที่สุด

Home » ปชป. เปิดผู้สมัครภาคกลาง 106 เขต ปรับกลยุทธ์หาเสียง ตั้งเป้าได้ส.ส.มากที่สุด



ปชป.เปิดทัพหน้า ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคกลาง 106 เขต “สาธิต” ย้ำ ลงสมัครภาคกลางไม่ใช่เรื่องเล่น ทุกคนต้องทำงานหนัก ตั้งเป้าได้ส.ส.มากที่สุด

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 28 มี.ค. 2566 ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข และรองหัวหน้าพรรค ดูแลภาคกลาง ร่วมกันเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ภาคกลาง รวม 26 จังหวัด 106 เขต

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 106 เขต ล้วนเป็นบุคลากรที่มีศักยภาพ พรรคได้คัดสรรมาแล้วเป็นอย่างดี หากประชาชนให้โอกาสก็พร้อมจะทำหน้าที่ ส.ส.ที่ดีได้ต่อไป ซึ่งผู้สมัครประกอบไปด้วย คนรุ่นใหม่ นักธุรกิจ ผู้นำเกษตรกร นักวิชาการ สื่อสารมวลชน รวมทั้งผู้นำสตรี ซึ่งในจำนวน 106 คน เป็นสตรีถึง 11 คน เป็นรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรี 3 คน คือ นายสาธิต ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 ระยอง นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรมช.พาณิชย์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 เพชรบุรี นายธีระ สลักเพชร อดีตรมว.วัฒนธรรม ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ตราด

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีอดีต ส.ส. ของพรรค 13 คน ไม่ว่าจะเป็น นายกัมพล สุภาแพ่ง นายอภิชาติ สุภาแพ่ง จ.เพชรบุรี นายฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร จ.กาญจนบุรี นายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา จ.จันทบุรี นางพจนารถ แก้วผลึก จ.ชลบุรี นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ จ.นครนายก นายมนตรี ปาน้อยนนท์ นายจักรพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ นายประมวล พงศ์ถาวราเดช จ.ประจวบคีรีขันธ์ นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ นายธารา ปิตุเตชะ จ.ระยอง นายนิติรัฐ สุนทรวร จ.สมุทรสาคร และนายปรพล อดิเรกสาร จ.สระบุรี

“ทั้งหมดนี้เป็นทัพหน้าของประชาธิปัตย์ ที่จะลงพื้นที่บุกเขตเลือกตั้ง เพื่อนำชัยชนะมาสู่พรรคในพื้นที่ภาคกลาง ผมขอฝากพี่น้องภาคกลางทุกจังหวัด ขอให้ช่วยสนับสนุนประชาธิปัตย์ ทั้งคนทั้งพรรคในการเลือกตั้งที่จะมาถึง” นายจุรินทร์ กล่าว

ด้านนายสาธิต กล่าวว่า ขณะนี้ภาคกลางมีความพร้อม 100% เพื่อเดินหน้าไปสู่การรับสมัครในวันที่ 3 เม.ย.นี้ โดยผู้สมัครของพรรค มีความหลากหลาย ตั้งแต่ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำเกษตรกร ผู้นำสตรี อดีตรัฐมนตรี นอกจากนี้ยังมีคนรุ่นใหม่ที่จะมีส่วนในการสร้างอนาคตอีกด้วย ดังนั้น ถือว่าพรรคประชาธิปัตย์มีความพร้อมเข้าสู่สนามเลือกตั้งแล้วอย่างเต็มที่

นายสาธิต กล่าวอีกว่า วันนี้เปิดตัวทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงอีก 4 เขต คิดว่าไม่มีปัญหา โดยในวันพรุ่งนี้ (29 มี.ค.) จะทำไพรมารี และส่งให้คณะกรรมการสรรหารับรองต่อไป ซึ่งถือว่าทุกคนเป็นคนรุ่นใหม่มีความสามารถ โปรไฟล์ดี พร้อมที่จะต่อสู้ในสนามเลือกตั้งครั้งนี้แน่นอน

เมื่อถามถึงการปรับยุทธศาสตร์ในการหาเสียง เนื่องจากพื้นที่ภาคกลางมีการต่อสู้กันสูง นายสาธิต กล่าวว่า มีการอบรมกติกาและระบบการเลือกตั้งให้กับว่าที่ผู้สมัคร ซึ่งทุกเขตต้องมีศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง การหาเสียงจะใช้วิธีเดิมไม่ได้ จะต้องมีทั้งระบบเครือข่ายอยู่ในทุกพื้นที่ เพื่อนำข้อมูล ผลงานของพรรค และผู้สมัครเข้าถึงประชาชนให้ได้มากที่สุด รวมถึงการใช้โชเชียลมีเดียเพื่อให้ข้อมูลผู้สมัครที่อยากนำเสนอ ซึ่งเป็นระบบที่พรรควางให้ผู้สมัครทุกคนได้ทำในแพลตฟอร์มเดียวกัน ถือว่าเป็นการวางระบบให้เข้าถึงเพื่อจูงใจประชาชน ในเขตเลือกตั้งนั้นๆ

เมื่อถามว่าในส่วนของภาคกลางได้ตั้งเป้าว่าจะได้ ส.ส.เท่าไหร่ นายสาธิต กล่าวว่า เดิมในพื้นที่ภาคกลางพรรคประชาธิปัตย์ได้ 8 คน ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้ตั้งเป้าว่าจะได้ส.ส.ให้มากที่สุด เพราะการประเมินยังทำได้ยาก เนื่องจากเวลาเราลงพื้นที่แม้จะมีคนตัดสินใจไปแล้ว นับตั้งแต่วันที่ผู้สมัครได้เบอร์ แต่ยังมีผู้ยังไม่ได้ตัดสินใจเยอะ จึงมั่นใจว่าความขยัน และระบบการหาเสียงที่ใช้เทคโนโลยีรูปแบบใหม่ จะจูงใจให้คนที่ยังไม่ตัดสินใจมาสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ และผู้สมัครของเราได้

นายสาธิต กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ การหาเสียงรูปแบบใหม่เวลาปราศรัยไม่จำเป็นต้องมีคนเยอะ และจะไม่ทำผิดกฎหมาย เพราะขณะนี้มีการไลฟ์สดออกโชเชียลมีเดียได้ ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีที่เราต้องนำมาใช้ให้ทันยุคสมัย

นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข และรองหัวหน้าพรรคปชป. ดูแลภาคกลาง

นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข และรองหัวหน้าพรรคปชป. ดูแลภาคกลาง

“ผมย้ำกับผู้สมัครทุกคนว่า ใครเป็นผู้สมัครในภาคกลางไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ต้องเอาจริง เมื่อเข้ามาก็ต้องทำงานหนัก หลักของผู้สมัครทุกคนต้องเดินเข้าหาประชาชนให้เขาเห็นหน้า ต้องไปแสดงความมั่นใจว่าจะมาเป็นผู้แทนของเขาให้ได้ นี่ถือเป็นนโยบายหลัก ฉะนั้น การเดินสายปราศรัยอาจจะไม่ได้ไปทุกเขต แต่จะไปในจุดใหญ่ๆ โดยไม่ต้องเกณฑ์คนมา และใช้วิธีถ่ายทอดออนไลน์ให้เข้าถึงประชาชนให้ได้มากที่สุด” นายสาธิต กล่าว

เมื่อถามว่าพรรคปชป.ในพื้นที่ภาคกลางจะสู้บ้านใหญ่อย่างไร เช่น จ.ชลบุรี นายสาธิต กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นบัตรสองใบ ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญฯ ขอย้ำว่าบัตรสองใบเพิ่มสิทธิให้กับประชาชนแทนที่จะไปเลือกพรรคผูกคน แต่วันนี้ประชาชนสามารถเลือกได้ ถ้าไม่พอใจพรรคก็เลือกคน ถ้าพอใจคนก็ไม่ต้องเลือกพรรค ถ้าพอใจทั้งพรรคทั้งคนก็เลือกทั้งสองใบได้

นายสาธิต กล่าวอีกว่า ฉะนั้น โอกาสที่ผู้สมัครจะแสดงความมั่นใจ และแสดงถึงศักยภาพของตัวเอง แน่นอนที่สุดต้องเอานโยบายของพรรค และประวัติความเป็นมาของพรรคไปนำเสนอกับประชาชน ตนถึงมั่นใจว่าถ้าผู้สมัครเดินตามระบบของเราก็จะได้คะแนน ทำให้คนสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ดีกว่าเดิม

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ