ปชป. สยบลือร่วมรัฐบาล ลั่นค้านแก้ไข-ยกเลิก 112 ลุยถอดบทเรียนแพ้เลือกตั้งยับ

Home » ปชป. สยบลือร่วมรัฐบาล ลั่นค้านแก้ไข-ยกเลิก 112 ลุยถอดบทเรียนแพ้เลือกตั้งยับ



ปชป. ปัดข่าวลือร่วมรัฐบาล ลั่นค้านแก้ไข-ยกเลิก 112 เตรียมถอดบทเรียนแพ้เลือกตั้งยับ ชี้เลือก หัวหน้าพรรค-กก.บห.ชุดใหม่ เป็นความหวังของทุกคน

เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2566 ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายราเมศ รัตนเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวสับสนในเรื่องพรรคประชาธิปัตย์มีการเจรจาพูดคุยกับพรรคต่างๆ นั้น เป็นข่าวบิดเบือนทั้งสิ้น รายงานข่าวที่ว่าส่งคนไปเจรจาเพื่อร่วมรัฐบาล เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเรามีกฎเกณฑ์กติกาที่ต้องทำตามระบบและระเบียบข้อบังคับ ต้องทำตามมติกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) และส.ส. ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีการประชุม ดังนั้น ถ้าจะบอกมีใครไปเจรจา ประสานงานเพื่อร่วมรัฐบาลนั้น เป็นข้อมูลเท็จทั้งสิ้น

นายราเมศ กล่าวว่า ส่วนที่มีสมาชิกพรรค แสดงความเห็นเรื่องการยกมือโหวตให้กับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี หรือพยายามให้ไปร่วมกับพรรคนั้นพรรคนี้ เป็นความเห็นส่วนบุคคลทั้งสิ้น ทุกอย่างต้องเป็นไปตามมติพรรค รวมถึงข่าวว่าเราไปจับมือกับพรรคเพื่อไทยก็ไม่เป็นความจริง เพราะไม่มีใครดำเนินการได้คนเดียวเช่นกัน

นายราเมศ กล่าวต่อว่า ส่วนการยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 เราจะไม่ไปก้าวล่วง แต่สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันตลอด เราไม่เห็นด้วยที่จะยกเลิกมาตรา 112 หรือจะแก้ไข แม้จะมีความพยายามสื่อไปยังประชาชนว่าไม่ยกเลิก เพียงแต่แก้ไข ตนจึงอยากให้ประชาชนไปศึกษารายละเอียดของร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ที่นายพิธาและพรรคก้าวไกล เสนอต่อสภา มีความชัดเจนในตัวว่ามีความพยายามอยู่หลายรอบ

“หากพรรคก้าวไกลจะทำให้ประเทศไม่เหมือนเดิม เราไม่ก้าวล่วง แต่จะต่อสู้ในระบบรัฐสภา ส.ส. ทั้ง 24 คน จะทำหน้าที่ติดตามการยกเลิกแก้ไขมาตรา 112 พรรคมีอุดมการณ์และนโยบายชัดเจนแล้วว่า จะไม่มีการแก้ไขหรือยกเลิก ดังนั้นขอให้พรรคก้าวไกลโชคดีในการจัดตั้งรัฐบาล ทำให้เต็มที่” นายราเมศ กล่าว

เมื่อถามว่ามีสมาชิกพรรคบางคนเสนอให้โหวตให้นายพิธาเป็นนายกฯ โดยไม่ต้องร่วมรัฐบาล นายราเมศ กล่าวว่า แม้ตอนนี้จะยังไม่มีมติของกก.บห. และส.ส.ชุดใหม่ แต่ตนบอกได้เพียงว่าขอให้ดูอุดมการณ์ของพรรคโดยเฉพาะข้อ 3 ที่สามารถบอกได้ชัดเจนแล้ว

นายราเมศ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ลาออกจากหัวหน้าพรรค ก็ต้องเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ โดยจะมีการนัดประชุม กก.บห. ชุดรักษาการในวันที่ 24 พ.ค. เพื่อหารือแนวทางการเลือกหัวหน้าพรรค และกก.บห.พรรคชุดใหม่ต่อไป

“การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคใหม่ครั้งนี้จะเป็นความหวังให้ทุกคนพร้อมใจกันจับมือให้พรรคเดินไปข้างหน้าได้ แล้ววันหนึ่งเราจะกลับมา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทุกคนมีสิทธิ์จะนำเสนอว่ามีการบล็อกตัวใครเพื่อให้เป็นหัวหน้าพรรค ใครที่มีความรู้ความสามารถก็อาสาเข้ามาได้ แม้เราจะแพ้เลือกตั้งแต่ไม่ได้หมายความว่าต้องปิดพรรค เราอยู่มา 77 ปี มีศักดิ์ศรี นโยบายอาจไม่หวือหวา แต่ความยั่งยืนที่เกิดขึ้นจะเป็นคำตอบให้ประชาชนว่า ที่ผ่านมาสิ่งดีๆ ที่พรรคทำมาไม่สามารถหยุดการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้” นายราเมศ กล่าว

เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ นายราเมศ กล่าวว่า แม้เราจะมีส.ส.แค่ 24 คน แต่การทำหน้าที่ในสภา ทุกเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ทั้งเรื่องผลักดันนโยบายและการออกกฎหมายต่างๆ ก็จะทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ที่สุด ส่วนการทำงานร่วมกับพรรคฝ่ายค้านอื่นเป็นเรื่องของอนาคต แต่การทำหน้าที่ฝ่ายค้านไม่จำเป็นต้องรวมกลุ่มกัน เพราะพรรคที่เหลือจากการร่วมรัฐบาลก็ต้องมาเป็นฝ่ายค้านอยู่แล้ว

เมื่อถามว่ามีการประเมินผลการเลือกตั้งของพรรคที่ได้มาเพียง 24 เสียงอย่างไร นายราเมศ กล่าวว่า กก.บห.ชุดใหม่จะมีการสรุปผลการเลือกตั้ง โดยต้องดูแต่ละพื้นที่ว่าความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมีมากน้อยขนาดไหน โดยเฉพาะภาคใต้เกือบทุกจังหวัดยังเห็นกระบวนการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ล้วนเป็นสิ่งที่สร้างประโยชน์ให้กับประชาชน มีมูลค่ามากกว่าเงินซื้อเสียง 500 บาท นอกจากนี้ เราจะต้องมีการวิเคราะห์กันด้วยว่า การดำเนินการกิจกรรมในทางข้างหน้า เราจะทำอย่างไรในการต่อสู้กับสิ่งเหล่านี้

เมื่อถามว่ามั่นใจใช่หรือไม่ว่า ผู้ที่ได้รับชัยชนะได้เป็นส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีการซื้อเสียงเลย นายราเมศ กล่าวว่า มั่นใจ และถ้าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจพบว่ามีคนของพรรคประชาธิปัตย์ซื้อเสียงก็ขอให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย นักการเมืองที่ทุจริตถ้ามีหลักฐานยืนยัน ตนก็สนับสนุนว่าทำผิดต้องติดคุก

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ