ที่แท้อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ป้าเปิดใจโดนตำรวจจับปิดปาก หลังไปดักรอเจอพล.อ.ประยุทธ์ ลงพื้นที่ติดตามดูโครงการแผนพัฒนาบ้านโป่ง ราชบุรี
วันที่ 13 มี.ค.2566 น.ส.วันทนา (ขอสงวนนามสกุล) เปิดเผยหลังได้รับการประตัว ตำรวจสภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี จับกุมขณะไปดักรอพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ติดตามดูโครงการแผนพัฒนาที่อ.บ้านโป่ง แต่ปรากฎว่าถูกรวบตัวใช้มือปิดปากพยายามลากเข้าไปหลบซอกรถกลายเป็นเหตุชุลมุนขึ้นก่อนพล.อ.ประยุทธ์ เดินทางมาถึง 10 นาที
น.ส.วันทนา ระบุ ไปยืนรอพบนายกรัฐมนตรีอยู่ที่ลานจอดรถหน้าศาลาประชาคม จากนั้นเจ้าหน้าที่เดินมาสอบถามพร้อมให้ตนไปยืนรวมกับชาวบ้านที่ฟุตปาธ แต่ตนยืนยันที่จะอยู่ตรงนี้ เพราะต้องการร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตทั้งต่อตนและครอบครัว ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม และแจ้งความที่ สภ.บ้านโป่ง มาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้ได้
“ครั้งนี้เห็นว่านายกฯ เดินทางมาที่ อ.บ้านโป่ง ด้วยตัวเองจึงเป็นโอกาสอันดีที่จะแจ้งความทุกข์ร้อนให้ได้ทราบ ซึ่งในความเป็นจริง นายกฯ ควรจะรับฟังความทุกข์ของประชาชน ไม่ใช่แค่มารับฟังเสียงปรบมือ แต่กลายเป็นว่าป้ากลับโดนเจ้าหน้าที่ 5-6 คน อุ้มตัวออกไป ทั้งที่ยังไม่มีความผิด แถมถูกทำร้ายร่างกาย ทั้งกระชาก ปิดปากจนได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าและข้อเท้าข้างซ้ายบวม พร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาว่าป้าไปทำร้ายเจ้าหน้าที่”
น.ส.วันทนา กล่าวต่อว่า ในส่วนของเรื่องการถอดเสื้อที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวถึงนั้น ป้าบอกเจ้าหน้าที่เองว่า “อย่าเข้ามาใกล้ตัวป้า ไม่อย่างนั้นป้าจะถอดเสื้อ” เพราะป้าไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่จะเข้ามาทำอะไร แต่ก็ยังไม่ได้ถอด เจ้าหน้าที่ก็รุมเข้ามาจับแล้ว ส่วนกรณีวิ่งขวางขบวนรถนั้นก็ บ้าแล้ว ขบวนรถยังไม่มา ยังไม่เห็นเงารถเลย ป้าก็โดนจับแล้ว ถ้าวันนี้ไม่เหนื่อย ป้าอยากจะปีนหลังคาโรงพักบ้านโป่ง แล้วกระโดลงมาให้มันจบๆ ไปเลย สำหรับเรื่องคดีได้รับความช่วยเหลือจากทนายสิทธิ์มนุษยชนที่จะเข้ามาดูแล
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะหวนกลับลงเล่นการเมืองอีกครั้งหรือไม่ เพราะเมื่อปี 2562 น.ส.วันทนา เคยเป็นอดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.ราชบุรี เขต 4 บ้านโป่ง จากพรรคเพื่อชาติ โดยได้รับคำตอบว่า “ป้าแก่แล้ว ไม่คิดจะกลับไปเล่นการเมือง แต่จะขอใช้สิทธิ์ในการเลือกนายกรัฐมนตรี ที่ช่วยแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน และรับฟังปัญหาที่แท้จริงของประชาชน ไม่ใช่นั่งญาณแบบท่านประยุทธ์”