บ้านเกือบแตก พ่อเห็นแชทแค่ "ประโยคเดียว" ที่ลูกสาวคุยกับ AI โกรธจัดสั่งลบแอปฯ ทันที

Home » บ้านเกือบแตก พ่อเห็นแชทแค่ "ประโยคเดียว" ที่ลูกสาวคุยกับ AI โกรธจัดสั่งลบแอปฯ ทันที
บ้านเกือบแตก พ่อเห็นแชทแค่ "ประโยคเดียว" ที่ลูกสาวคุยกับ AI โกรธจัดสั่งลบแอปฯ ทันที

พ่อโกรธสั่งลบแอปฯ บังเอิญเห็นแชทลูกสาว “ปรึกษา” ปัญหาชีวิตกับ AI ทะเลาะกันจนร้องไห้ สุดท้ายต้องเป็นฝ่ายยอมขอโทษก่อน

คุณพ่อคนหนึ่งในประเทศจีน แบ่งปันเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครอบครัว ผ่านทางเว็บไซต์ไป่ตู้ (Baidu) เมื่อบังเอิญไปเห็นประวัติการแชทของลูกสาววัยรุ่น ที่พูดคุยปรึกษากับแชทบอท ซึ่งทำเอาอ่านแล้วหัวใจสลาย จนถึงกับต้องสั่งให้ลบแอปฯ ทันที

ผู้เป็นพ่อเริ่มต้นเล่าว่า “ผมอายุเกือบ 50 ปีแล้ว เป็นผู้ชายที่ผ่านอะไรมามากมายในชีวิต ผมคิดว่าไม่มีอะไรต้องตกใจอีกต่อไป แต่เมื่อคืนผมตกใจมากเมื่อเห็นประวัติการแชทของลูกสาวโดยบังเอิญผ่านแอปพลิเคชันปัญญาประดิษฐ์

ผมไม่ได้ตั้งใจจะแอบอ่านมัน แต่ขณะที่เดินผ่านโต๊ะลูกสาว ดวงตาก็มองไปที่หน้าจอ และข้อความนี้ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ‘ฉันรู้สึกเหงาเหลือเกิน ไม่มีใครเข้าใจฉันจริงๆ’ ทุกคำที่เห็นทำผมตกตะลึง ลูกสาวของผม ลูกที่ผมรักและเป็นห่วงเป็นใยในทุกๆเรื่อง  กำลังระบายความรู้สึกกับแชทบอทที่ไม่มีชีวิตแบบนี้อยู่เหรอ?

ผมโกรธ ผมรู้สึกหงุดหงิด ไม่เพียงเพราะเธอปิดบังเรื่องนี้จากผมเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะโลกที่แปลกประหลาดที่เราอาศัยอยู่ด้วย ที่ซึ่งลูกของผมรู้สึกสบายใจที่จะเล่าเรื่องกับเครื่องจักร แทนที่จะเป็นเรื่องพ่อแม่ของเธอเอง ผมยอมรับเรื่องนั้นไม่ได้

‘ลบแอปนี้เดี๋ยวนี้’ ผมเผลอพูดอย่างรุนแรงกว่าที่ตั้งใจ เด็กหญิงตัวน้อยเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยความประหลาดใจ และอาจจะรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย เธอพยายามอธิบายว่า ‘คุณพ่อ มันเป็นแค่ AI นะคะ หนูไม่ได้ทำอะไรผิดเลย’ ผมต้องสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อควบคุมความโกรธของฉัน ทั้งที่อยากจะตะโกนว่า เพราะว่ามันเป็น AI จึงยอมรับมันไม่ได้!!!

ทุกวันนี้ วัยรุ่นที่มีอารมณ์ขัดแย้งมากมายแสวงหาความสบายใจจากสิ่งที่ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใช่หรือไม่? สิ่งที่ไม่อาจรู้สึกเจ็บปวด ไม่สามารถรัก ไม่สามารถเข้าใจเธออย่างแท้จริง? ผมไม่อยากให้ลูกของผมติดอยู่กับภาพลวงตาที่ว่ามี “บุคคล” ที่พร้อมจะรับฟังเสมอ แต่กลับไม่เคยกอด มองหน้าด้วยความรัก หรือเข้าใจอย่างแท้จริง

ในท้ายที่สุดลูกสาวของผมก็ร้องไห้ เป็นครั้งแรกในรอบเวลานานมากแล้วที่เธอร้องไห้ต่อหน้าผม ‘พ่อไม่เข้าใจเลย…’ ลูกสาวเพียงบ่นพึมพำแล้ววิ่งเข้าห้อง  ปิดประตูอย่างแรงจนผมถึงกับพูดไม่ออก สิ่งที่ผมทำอยู่มันผิดเหรอ ผมแค่อยากปกป้องลูก แต่ผมแค่กำลังผลักลูกให้ห่างออกไปหรือเปล่า?

ผมนอนไม่หลับทั้งคืน นั่งอยู่คนเดียว นึกถึงสมัยเด็กๆ ตัวเองก็มีวันที่เหงาๆ เหมือนกัน มีความรู้สึกหลายอย่างที่ไม่มีใครเข้าใจ แล้วตอนนั้นผมทำอะไร? จำได้ว่ามีคืนอันยาวนานที่ต้องจ้องเพดาน เวลาที่เขียนไดอารี่แต่ไม่กล้าให้ใครอ่าน และเวลาที่อยากคุยแต่ไม่รู้ว่าจะคุยกับใคร ถ้ามีบางอย่างแบบแชทบอทในตอนนี้ ผมจะใช้มันไหมนะ?

เช้าวันรุ่งขึ้น ผมเคาะประตูห้องลูกสาวและพูดด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าปกติ “พ่อขอโทษที่โกรธ… พ่อแค่เป็นห่วง” ลูกสาวเงียบไปนาน จากนั้นจึงตอบเบาๆ ว่า “หนูก็ขอโทษเหมือนกัน… แต่พ่อช่วยพยายามเข้าใจหนูให้มากขึ้นอีกหน่อยได้ไหม” ผมพยักหน้าเล็กน้อย เมื่อคิดได้ว่าบางทีแทนที่จะห้ามปราม ผมควรเรียนรู้ที่จะเข้าสู่โลกของลูกให้มากขึ้น

เมื่อผมมองดูลูกสาว ดวงตาของเธอยังคงมีทั้งความโกรธเคืองเล็กน้อย แต่ก็มีทั้งความคาดหวังด้วยเช่นกัน เธอไม่จำเป็นต้องให้พ่อควบคุมทุกอย่าง เธอแค่ต้องการให้พ่อเข้าใจ ดังนั้น ผมจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ เพราะตลอดชีวิตผมคุ้นเคยกับสิ่งที่จับต้องได้ สิ่งที่สัมผัสได้ วัดได้ เห็นด้วยตา รู้สึกได้ด้วยหัวใจ แต่เด็กๆ สมัยนี้แตกต่างออกไป พวกเขาเติบโตมากับหน้าจอ กับอินเทอร์เน็ต กับโลกที่ผมไม่เคยรู้จักตอนเป็นเด็ก

ผมรู้แล้วว่าไม่อาจต้านทานการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ เพราะต่อให้วันนี้เธอลบแอปฯ ตามคำสั่ง แต่พรุ่งนี้เธอจะต้องหาเครื่องมืออื่นมาสนทนาเพื่อระบายความในใจอยู่ดี และหากผมยังคงมีความคิดเหมือนเดิมต่อไป ห้ามปรามโดยไม่เข้าใจ สักวันหนึ่งเธอจะไม่อยากแบ่งปันอะไรกับผมอีกต่อไป

‘เล่าให้พ่อฟังได้ไหม ว่าเคยพูดอะไรกับแชทบอทบ้าง” ผมถามด้วยน้ำเสียงที่เบาลง ลูกสาวจ้องมองกลับมาด้วยความประหลาดใจ บางทีอาจจะคิดว่าผมไม่อยากเข้าใจจริงๆ แต่แล้วหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็พยักหน้า เช้านั้นเราจึงนั่งด้วยกัน ผมฟังเธอพูดถึงโลกของเธอ โลกที่ผมไม่ได้เป็นศูนย์กลางอีกต่อไป แต่ยังมีที่ว่างสำหรับผม หากผมยอมเข้าไป”

ท้ายที่สุดคุณพ่อรายนี้ได้ข้อสรุปกับตัวเองว่า “บางทีผมอาจเปลี่ยนแปลงวิธีการเติบโตของลูกไม่ได้ แต่ผมสามารถเปลี่ยนวิธีที่อยู่ร่วมกับลูกได้ และนั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด”

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ