มีเหตุบังเอิญที่ผมต้องไปใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวที่ อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฏร์ธานี เป็นเวลา 4 วัน มันช่างเป็นเวลาที่เหลือเฟือสำหรับคนแปลกหน้าผู้ไม่คุ้นคยในดินแดนใจกลางด้ามขวาน เพราะยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเดินทางไปยังจุดไหนดีที่มีทัศนียภาพแปลกตา และด้วยปัญหาโรคระบาดโควิด 19 ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งต้องปิดประตู จึงกลายเป็นโจทย์ยากหากจะค้นหาสถานที่พักผ่อนสักแห่งในช่วงสถานการณ์เลวร้ายนี้
ผมได้ห้องพักราคาประหยัดที่จ่ายเพียงวันละ 350 บาท แลกกับความสะดวกสบายภายในห้องที่ประกอบด้วยเครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น ทีวีระบบเคเบิล ตู้เย็น WIFI ฟรี และความสะอาดที่อยู่ในเกณฑ์ดี แม้ห้องพักจะไม่กว้างมาก แต่ที่จอดรถติดหน้าห้องก็ให้ร่มเงาแก่รถยนต์สุดที่รักได้ตลอดวัน เป็นโรงแรมที่พักขนาด 12 ห้องติดกัน มีชื่อว่า บ้านในฝันรีสอร์ท ตั้งอยู่ติดกับการประปาบ้านตาขุน และใกล้โรงพยาบาลประจำอำเภอ จึงให้ความสบายใจได้หายห่วงทั้งเรื่องความปลอดภัย และน้ำไหลไฟสว่าง
บ้านตาขุน กึ่งกลางสองฝั่งทะเล
เมื่อได้ห้องพักแล้ว ถึงเวลาออกหาอาหารรับประทาน แน่นอนครับเมื่อความหิวมาเยือน เราก็มักจะนึกถึงตลาด ผมจะออกเดินเท้าไปตลาดในทุกเช้าและเย็น สาเหตุที่ไม่ใช้รถยนต์เพราะต้องการเดินออกกำลังกายบ้างตามประสาคนวัยใกล้ชรา ที่ตลาดเช้าบ้านตาขุนมีอาหารทั่วไปคล้ายภาคกลาง บริเวณนี้หากเป็นช่วงสถานการณ์ปกติเมื่อก่อนจะมีชาวต่างชาติมาจอดรถแวะหาซื้ออาหารรับประทาน หรือซื้อเป็นเสบียงกันไว้ระหว่างเดินทางท่องเที่ยวไปยังที่พักสวยๆ ในเขื่อนรัชชประภาหรือที่เราเรียกกันว่าเขื่อนเชี่ยวหลาน หรือบ้างก็แวะพักก่อนเดินทางไปยัง จ.พังงา และ จ.ภูเก็ต ที่นี่จึงเปรียบเสมือนเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างสองฝั่งทะเล คือระหว่างทะเลอ่าวไทย และทะเลอันดามัน
นอกจากตลาดเช้าที่มีอาหารสดจำหน่ายแล้ว บริเวณตลาดยังมีร้านอาหารตามสั่ง ร้านก๋วยเตี๋ยว ข้าวมันไก่ และร้านข้าวแกง ไว้บริการอีกด้วย ในบางวันจากที่พักผมก็มักจะเดินข้ามถนนใหญ่ไปอีกฝั่งที่มีห้างบิ๊กซีตั้งอยู่ ใกล้ห้างนั้นเป็นที่ตั้งของร้านข้าวแกงบ้านตาขุน เป็นร้านใหญ่ติดกับคิวรถตู้ไปตัวจังหวัดสุราษฎร์ฯ ร้านนี้อาหารอร่อยรสชาติท้องถิ่นเมืองใต้ หากคุณชอบเมนูคั่วกลิ้งแล้วละก็ไม่ควรพลาดครับ ร้านจะเปิดตั้งแต่เช้าถึงช่วงบ่ายหลังเที่ยงนิดหน่อยก็ปิดแล้ว มื้อเย็นคงต้องไปหารับประทานที่ตลาดข้างวัดบ้านตาขุนกันต่อไป
อิ่มท้องสบายๆ กันแล้ว ก็เดินกลับมานั่งทำงานที่รีสอร์ทครับ ชีวิต 4 วัน ที่นี่เป็นไปแบบสบายๆ ไม่รีบเร่ง ผมมีงานอะไรคั่งค้างก็ใส่โน๊ตบุ๊คมาทำด้วย เพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่านจนเกินไป การได้นั่งขีดนั่งเขียนอยู่กับตัวเองแบบเงียบๆ บ้าง ทำให้ได้สมาธิทำงานค่อนข้างมาก หากเบื่อๆ ก็ขับรถออกไปถ่ายภาพแถวๆ สันเขื่อนเชี่ยวหลานที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 10 กม. ชมวิวทิวทัศน์ทอดสายตาไปได้กว้างไกล นั่งจิบกาแฟที่ร้านสวัสดิการสันเขื่อน บรรยากาศสุดยอดเลยครับ
ใครคือตาขุน? และบ้านของตาขุนอยู่ตรงไหน?
สิ่งหนึ่งที่ผมคิด และได้ค้นหาคำตอบในช่วงขณะเพ้อฝันเงียบๆ อยู่บริเวณสันเขื่อน คือ คิดหาคำตอบว่า ทำไมที่นี่ถึงมีชื่อว่า อ.บ้านตาขุน ชื่อค่อนข้างแปลก ใครคือตาขุน? และบ้านของตาขุนอยู่ตรงไหน?
อากู๋คงสมเพชเวทนาผม จึงบันดาลคำตอบให้ว่า “เมื่อประมาณ 200 ปีก่อน เจ้าเมืองนครศรีธรรมราช ได้แต่งตั้ง (อุ่น สุขอุ่น) มาปกครองเมืองคีรีรัฐนิคม ซึ่งรวมพื้นที่ของ อ.บ้านตาขุน ในปัจจุบันด้วย โดยเดินทางทางเรือมาตามแม่น้ำตาปี เข้าสู่คลองพุมดวง และขึ้นฝั่งบริเวณ ต.เขาวง อันเป็นที่ตั้งของ อ.บ้านตาขุน ว่ากันว่าบริเวณนี้มีความเจริญมากกว่าชุมชนอื่น จึงได้มีการสร้างเรือนรับรองให้กับตำแหน่งขุนหัวเมืองที่มาตรวจราชการ จึงเป็นที่มาของคำว่า บ้านตาขุน อีกทั้งหากพิจารณาตามแผนที่แล้ว อ.บ้านตาขุน ยังเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างสองฟากฝั่งทะเล โดยมีเขื่อนรัชชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน ที่สวยงามเป็นสถานที่ท่องเที่ยวดึงดูดผู้มาเยือน ทำให้ อ.บ้านตาขุน มีความเตริญค่อนข้างมาก” ผมจึงได้ถึงบางอ้อและขอบคุณอากู๋ไว้ ณ โอกาสนี้ครับ
4 วันผ่านไปไวโดยรู้สึกเบื่อเล็กน้อย ได้รับประทานอาหารอร่อย ได้พักผ่อนแบบเงียบสงบ ได้ทำงานเขียนที่คั่งค้าง ได้ชมทิวทัศน์สันเขื่อน ได้จิบกาแฟใต้เข้มๆ ได้ล้างรถเช็ดรถบ้าง ได้เห็นรอยยิ้มและวิถีชีวิตของชาวบ้านตาขุน ที่สำคัญคือการได้อยู่กับตัวเอง ได้พิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นผ่านมา ได้คิดวางแผนเพื่ออนาคต สรุป 4 วันอันโดดเดี่ยวเป็น 4 วันพักผ่อนที่มีคุณค่ามากในชีวิตช่วงหนึ่ง คุณน่าลองหาอำเภอสงบๆ ไปพักผ่อนเงียบๆ ดูกันบ้างนะครับ