'บุญถาวร' ที่ปรึกษา กม. 'ส.ส.เต้' ประกาศปกป้อง 'บังแจ๊ค' ลั่นมีหน้าที่พิสูจน์การตาย 'แตงโม'

Home » 'บุญถาวร' ที่ปรึกษา กม. 'ส.ส.เต้' ประกาศปกป้อง 'บังแจ๊ค' ลั่นมีหน้าที่พิสูจน์การตาย 'แตงโม'


'บุญถาวร' ที่ปรึกษา กม. 'ส.ส.เต้' ประกาศปกป้อง 'บังแจ๊ค' ลั่นมีหน้าที่พิสูจน์การตาย 'แตงโม'

บุญถาวร ที่ปรึกษา กม. ‘ส.ส.เต้’ ประกาศปกป้องบังแจ๊ค อ้างว่ามีหน้าที่พิสูจน์การตาย ‘แตงโม’ ชี้มีความเชี่ยวชาญ คนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่ายุ่งกับแม่

วันที่ 31 พ.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านพักส่วนตัว อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ นายบุญถาวร ปัญญาสิทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ ส.ส.เต้ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหน.พรรคไทยศรีวิไลย์ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกรณี ดาราสาว แตงโม นิดา ว่า ต้องเข้าใจว่าในปัจจุบันนั้นมีกฎหมายออกมาบังคับเรื่องของสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลในการที่จะไปวิพากษ์วิจารณ์ว่าใครดีไม่ดีทำถูกไม่ถูก การเสียชีวิตของน้องแตงโมถือว่าเป็นประเด็นสำคัญของประเทศไทยมีการคาดการณ์มากมาย

คุณแม่ของแตงโมครั้งแรกก็รู้อยู่ว่าเขาเชื่อตำรวจเชื่อทนายในกรณีที่ระบุว่าเกิดจากอุบัติเหตุและความประมาทของคนในเรือ คุณแม่ก็เชื่อคุณแม่ก็น้อมรับ ต่อมาคุณแม่บอกว่ามันมีเหตุสงสัยมีพฤติกรรมที่ทำให้ไม่น่าเชื่อคุณแม่ก็บอกว่าต้องหาพยานหลักฐาน มาหักล้างเขาก็ได้เจอกับ ส.ส.เต้ เจอกับ พี่อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ก็มีหลักฐานมากมายเพียงพอฟังได้ว่าเป็นฆาตกรรม ฆาตกรรมคืออะไร ฆาตกรรมก็คือการฆ่าโดยเจตนาหรือไม่มีเจตนาทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายก็เป็นฆาตกรรมคนก็ออกมาด่าคุณแม่ จากที่แกเคยบอกว่าน้อมรับการที่ตำรวจพิจารณาหลักฐาน

ในวันนี้ต้องออกมาเรียกร้องหาความจริงให้กับแตงโม ก็ถูกด่าอีก ถามว่าสังคมจะเอาอะไรกับคุณแม่กันแน่ ตนก็ต้องออกมาปกป้องว่า ให้คุณแม่ของน้องแตงโมทำให้ถึงที่สุดก่อน จะออกมาอย่างไร จะเป็นประมาท จะเป็นกลยุทธ์ทำให้ตายหรือเจตนาฆ่าหรือไม่เจตนาฆ่ามันยังไม่มีข้อยุติ อยากให้เข้าใจคุณแม่ในความของความเป็นแม่คน ที่ไม่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นทนายดัง พิธีกร ประชาชนทั่วไป ไม่ควรที่จะมายุ่งกับคุณแม่ ตนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาดูแลเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคุณแม่ก็จะต้องปกป้องคุณแม่อย่างเต็มที่ใครมาหิวแสงด่าคุณแม่ ทำให้คุณแม่เสียหายตนก็จะต้องดำเนินคดีจนถึงที่สุดโดยให้ฝ่ายทีมกฎหมายของคุณแม่เป็นคนฟ้องร้องดำเนินคดีต่อไป

นายบุญถาวร กล่าวต่อว่า กรณีที่มีคนมาด่าบังแจ๊คทั้งที่บังแจ๊คเป็นคนช่วยหาหลักฐานนั้นตนเห็นว่าบังแจ๊คไม่ใช่คนไทย เขาเป็นคนที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทยและอยู่เกินกว่ากฎหมายกำหนดและได้เข้ามาสร้างวีรกรรมที่อาจจะ ผิดพลาดกับพิธีกรและเรื่องต่างๆหลายอย่างแต่ยังไม่มีถึงที่สุดว่า บังแจ๊คเป็นคนกระทำความผิด บังแจ๊คทำผิดเรื่องเดียวคืออยู่ในเมืองไทยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดและการที่ออกมาด่าบังแจ๊คนั้น เขามีหน้าที่พิสูจน์ถึงความเป็นมาของการเสียชีวิตของน้องแตงโมเรื่องผ้า เลือด เรื่องโทรศัพท์เขาก็มีสิทธิ์ในเมื่อเขามีความเชี่ยวชาญอยู่ต่างประเทศ ซึ่งเป็นประเทศที่เป็นผู้ผลิตโทรศัพท์ไอโฟน เขาก็รับอาสาในการตรวจสอบ

ตนคุยกับบังแจ๊คไลน์แทบทุกวัน ตนได้บอกเขาว่า โทรศัพท์มีหลักฐานอะไรถ้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคนอื่นซึ่งไม่ใช่เกี่ยวกับกรณีการเสียชีวิตของน้องแตงโมอย่าเอามาเปิดเผยนะ เขาก็โอเครเขาด่านายทั่วโลก นายมีหน้าที่กลับตัวกลับใจให้เป็นคนดีของชาวโลก ตนก็ได้เตือนบังแจ๊คตลอด บังแจ๊คก็ได้หยุดตามที่ตนได้บอกกล่าวไป ทำไมไม่ให้โอกาสกัน เมื่อเขาเคยทำผิดเคยมีข้อพิพาทกับใครเขาก็ต้องเป็นคนเลวใช่ไหม ทำไมไม่ให้โอกาสเขา ตอนนี้ก็มีการส่งภาพมาแล้วคุณหมอพรทิพย์รับภาพก็ส่งตรวจสอบภาพดังกล่าวนั้นว่า มีคราบเลือดหรือไม่มันก็นำไปสู่การที่จะทำให้คดีพลิกผันได้ ตนไม่เห็นด้วยกับคนที่ด่าคนที่ทำคดีให้แตงโมให้เกิดความโปร่งใสในการตาย แต่ว่าหากบังแจ็คไปแบ็คเมล์ข่มขู่คนอื่น บังแจ๊คสมควรถูกด่า ตนเป็นคนแรกที่จะเป็นคนด่าบังแจ็ค ถ้าอยู่ใกล้ก็จะจัดการเลย

นายบุญถาวร กล่าวด้วยว่า กรณีที่ตนได้ด่าแฟนเก่าของแตงโมที่ไม่ช่วยคดีแต่ได้ออกมาวิพากษ์ วิจารณ์นั้น ตนเห็นว่าคุณเคยรัก เคยคบกันรักใคร่กัน คุณแตงโมเขาตายไปแล้วอะไรก็ตามที่ทำให้คุณแตงโมได้รับความเป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นกรณีเกิดจากการกระทำที่บุคคลในเรือเพราะความประมาทพลาดพลั้งหรือเป็นกรณีที่ทำให้ถึงแก่ความตายด้วยประการใดๆ ที่ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน คุณแม่ของคุณแตงโมได้ดิ้นรนขวนขวาย ส่งมือถือไปให้บังแจ๊คตรวจเพื่อตรวจสอบ คุณไม่เห็นด้วยก็ไม่ควรที่จะออกมาต่อว่าคุณแม่ควรที่จะให้กำลังใจคุณแม่ ไม่ใช่ไปบอกว่าหนีเสือปะจระเข้มันไม่ถูก ถ้าหากไม่ช่วยก็ควรอยู่เงียบๆ

ถามว่าคุณแม่ก็ลำบากเงินค่าเดินทางค่าอาหารค่าใช้จ่ายไม่มี คุณแม่ไม่ได้รับเงินเยียวยาจากใครเลย ในทุกวันนี้เดินทางไปไหนก็มีแต่คนนั้นคนนี้ให้จากแฟนคลับ ส่วนมากแล้วน้อง ส.ส.เต้ เป็นคนดูแล ถามว่าคุณเคยรักน้องแตงโม เป็นแฟนน้องแตงโมตั้งหลายคนมีความสงสารคุณแม่หรือไม่ หากสงสารเอาตังค์มาให้คุณแม่หน่อยวันนี้คนละ 1,000 – 2,000 บาท ช่วยดูแลคุณแม่ค่าใช้จ่ายนั่นนี่จะไม่ดีกว่าหรือ อย่าไปพูดเลยครับว่าหนีเสือปะจระเข้ อย่าพูดให้คนอื่นด้อยค่า

ตนขอบอกเลยว่าคุณเป็นดารานักร้องนักแสดงหรือมีเงินมากมาย 100 ล้าน 1,000 ล้านบาท คุณมี 1,000,000,000 บาทวันนี้ขอซักล้านบาทหน่อยได้ไหม เอามาให้คุณแม่ตั้งเป็นกองทุนวันนี้ยังมีประเด็นเลยว่า ทนายดังสำรองจ่ายค่าอาหารให้คุณแม่ 23,000 บาท ทนายดังก็มาทวงถามค่าอาหาร ผ่านสื่อมวลชนผ่านทางออนไลน์ คุณแม่ก็เสียหายแกอาจจะไม่มีเงินลองคิดดูดีๆ หากคุณรักแกรักแตงโมก็ให้เอาเงินมาหนึ่งล้านบาทบริจาคให้แม่ไปเลยให้ฟรี ตนขอท้าที่คุณออกมาหิวแสงหรือเปล่าหรือว่าต้องการสร้างประเด็นถ้าอยู่ดีๆปากเงียบๆดีกว่าเก็บปากไว้กินข้าวเข้าใจชัดเจนนะครับ

นายบุญถาวร ยังกล่าวด้วยว่า กรณีเรื่องแตงโมนี้ตนได้ให้ความเห็นไปแล้วว่า ตนบอกว่าการที่จะพิสูจน์ว่าเป็นการตายแบบไหนมันต้องดูจากคนที่เป็นประจักษ์พยานคือคนที่อยู่ในเรือ 5 คนว่าให้การว่าอย่างไร เราต้องเชื่อเขาก่อนเค้าให้การว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ตกท้ายเรือตกจากเรือเพราะอาการเมาเราก็ต้องเชื่อเขาก่อนถ้าหากเราไม่เชื่อก็ต้องหาพยานหลักฐานมาพิสูจน์นั่นก็คือเมื่อคนตายพูดไม่ได้เราก็ต้องดูจากศพ ศพจะไปบอกว่าการตายของน้องแตงโมเกิดจากการกระทำโดยเจตนาหรือประมาทก็ต้องดูจากตรวจศพศพมีบาดแผลหรือไม่

ถ้ามีบาดแผลก็แน่นอนอาวุธที่ใช้อวัยวะบาดแผลมีลักษณะอย่างไรและพฤติการณ์ที่เกิดขึ้น ตรงนี้ ตนไม่เชื่อว่าคุณแตงโมจะไปฉี่ท้ายเรือ ตกเรือเป็นไปไม่ได้ เมื่อไม่เชื่อแล้วเราก็ต้องวนมาดูเรื่องบาดแผลว่าบาดแผลเกิดจากอะไรจากใบพัดเรือหรือไม่ เมื่อเราไม่เชื่อว่าตกท้ายเรือแล้วจะดูดเข้าไปท้ายเรือแล้วถูกใบพัดเรือทำให้เกิดบาดแผลมันก็ไม่น่าที่จะเป็นไปได้ ดังนั้นเราก็จะต้องเริ่มต้นจากที่เป็นบาดแผลว่าแผลเกิดจากการของมีคมหรือว่าอะไร ใครทำให้เกิดบาดแผลส่วนตนนั้นเห็นว่า

เรื่องนี้มีแรงจูงใจเชื่อว่าน่าจะเกิดจากการฆาตกรรม เพราะว่าฆาตกรรมมี 2 ลักษณะหนึ่งโดยเจตนาฆ่าหรือไม่มีเจตนาฆ่า จะทำร้ายเพื่อให้เกิดถึงแก่ความตายก็ถือว่าเป็นฆาตกรรม แต่หลักๆตนให้ความเห็นว่าเรื่องของน้องแตงโม น่าจะเป็นกรณีถูกทำร้ายเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290 ซึ่งเป็นความเห็นตามที่ท่านอดีตผู้พิพากษาท่านหนึ่งซึ่งออกรายการโหนกระแสในวันนี้ ก็ได้ให้ความเห็นเช่นเดียวกันกับตน

นายบุญถาวร กล่าวด้วยว่า กรณี ส.ส.เต้ ถูกกล่าวหาว่าขู่ทนายดังคนหนึ่งนั้น ต้องถามว่าขู่จริงหรือไม่ เนื่องจากมีลักษณะคล้ายกับการเตือนก่อน ที่จะมีการพูดถึงว่าให้หยุดนั้นก่อนหน้านี้ทนายคนดังกล่าวนั้น ก็เคยข่มขู่ ส.ส.เต้ ว่า เดี๋ยวอีก 3 วันก็จะมีตำรวจมาจับ เดี๋ยวอีก 5 วันก็จะมีหมายจับ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่ามายุ่งเรื่องนั่นนี่ มีการโทรไปข่มขู่ ส.ส.เต้ หลายสิบครั้ง เมื่อคุณถอนตัวออกจากการเป็นทนายความแล้ว เพราะคุณแม่ได้มอบหมายให้พรรคไทยศรีวิไลย์ให้พี่อัจฉริยะและให้ตนมาช่วยดูแลในส่วนของภาพรวม ก็ยังมาพูดกระแหนะกระแหนกัน

แม้กระทั่งในวันที่ถอนตัวนี้ยังพูดเสียดสีคุณแม่ในลักษณะว่ามารดาโน่นนั่นนี่ คือทำให้คุณแม่กังวลบอกว่าถ้าฟ้องไปก็จะโดนฟ้อง 157 ทำให้ ส.ส.เต้ อดทนไม่ไหวก็คือถูกหยามศักดิ์ศรีประเด็นหลักหนักๆ เลยก็คือ ถูกกล่าวหาเป็นคณะตลกอีก 3 วัน 5 วัน ก็คงเลิกกันแล้ว มันดูเป็นการดูถูกศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ส.ส.เต้ เค้าโทรไปก็เพื่อบอกว่าเตือนนะ ถ้าเป็นคนอื่นเค้าส่งคนมากระทืบก็ต้องเข้าใจว่าเค้าเป็นนักการเมืองถามว่าไม่มีแฟนคลับหรือว่าไม่มีผู้ให้การสนับสนุนก็คงไม่ได้เป็น ส.ส. ออกไปทำเรื่องนี้มีแต่เสีย

เงินก็ไม่ได้โดนชาวบ้านด่าหาว่าหิวแสงจริงๆ เราต้องการให้กระบวนการยุติธรรมเกิดความโปร่งใสในการรับฟังปัญหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมดในกรณีการเสียชีวิตของน้องแตงโมฟังอย่างรอบด้านไม่ใช่ฟังยังฝ่ายเดียวแล้วมาตัดสินเลย ตนมั่นใจว่า ส.ส.เต้ มีเจตนาดีในการที่ไปบอกทนายดังว่าถ้าเป็นคนอื่นก็อาจจะถูกดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางของกฎหมาย แต่ตนมั่นใจว่ามันไม่ใช่การขู่เอาชีวิต เป็นเพียงแค่การเตือน หากฟังดีๆก็จะเห็นว่า หากเป็นคนอื่นผมจะส่งคนไปกระทืบนะ นี่แสดงว่าเขารู้จักกันดูจากถ้อยคำประมาณนี้

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ