บิ๊กเอ็ม เปิดใจครั้งแรก หลังเจอมรสุมชีวิต รู้ซึ้งสัจธรรม ยิ่งสูงยิ่งหนาว

เรียกว่าในช่วงเวลาเดียวกันพระเอกหนุ่มทรงดี บิ๊กเอ็ม กฤตฤทธิ์ บุตรพรม เจอมรสุมลูกใหญ่ถาโถมเข้าใส่ถึง 2 ลูก ติดๆกัน ทั้งเรื่องล็อตเตอรี่ และเรื่องที่ต้นสังกัดช่อง 7 ได้ประกาศยกเลิกสัญญาการเป็นนักแสดงในสังกัด

ทำเอาพระเอกหนุ่มถึงกับเซ และเก็บตัวเงียบอยู่พักใหญ่ ล่าสุด ข่าวสดบันเทิงออนไลน์ ได้มีโอกาสสัมภาษณ์อัพเดตชีวิตของบิ๊กเอ็ม ว่าตอนนี้วางแผนชีวิตได้อย่างไรบ้าง

ชีวิตตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง? “ตอนนี้ก็วางแผนเตรียมโปรเจ็กต์เยอะมาก กำลังจะมีละครกับที่ไหนตอนนี้ยังบอกไม่ได้จริงๆ แค่ว่าเซอร์ไพรส์แฟนคลับแน่นอนเป็นโปรเจ็กต์ใหญ่แน่นอน แล้วก็มีแพลนจะทำซิงเกิลเพลงเป็นของตัวเองด้วยครับ มันเป็นการสานฝันของผมอีกอย่างหนึ่ง เพราะผมอยากเป็นนักร้องมาตั้งแต่เด็กแล้ว เลยตัดสินใจทำซิงเกิล ของตัวเองออกมา”

ที่ผ่านมาเหมือนเจอมรสุมลูกใหญ่ ชีวิตตอนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง? “ตอนนั้นก็ดาวน์ไปหมดทั้งตัวผมเองและคนในครอบครัวด้วย เหมือนเราได้บทเรียนชีวิตอย่างหนึ่ง เหมือนคลื่นลูกใหญ่พัดพังปราสาททรายของเรา ซึ่งมันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะสร้างใหม่ไม่ได้

เราก็ต้องเริ่มต้นใหม่ใช้ชีวิตให้มันมีสติทุกอย่าง ทำอะไรเราก็ต้องปรึกษากันทั้งผู้ใหญ่และคนใกล้ชิดที่มีประสบการณ์ ไม่ว่าจะทำอะไรเราก็ต้องปรึกษากันก่อน เราจะไม่ทำอะไรโดยพลการ ต้องปรึกษาผู้ใหญ่เยอะๆ

หลังจากนั้นพอทุกอย่างเริ่มเคลียร์ ผมก็เริ่มกลับมาดูแลตัวเอง และมีความคิดอย่างหนึ่งว่าเราต้องเดินต่อเราต้องมูฟออนจากตรงนี้ให้ได้ เพราะฉะนั้นเราจะปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับตรงนี้นานไม่ได้

แฟนๆ ที่เขาติดตามเราอยู่ เขาก็ยังรอดูการกลับมาของเรา รอดูผลงานของเรา เราจึงยิ่งต้องผลักดันตัวเองทำให้ตัวเองดีขึ้นกว่าเดิม ดูแลตัวเองหนักมาก ทานวิตามินอาหารเสริมอะไรที่มีประโยชน์รวมถึงออกกำลังกายดูแลรูปร่าง ดูแลผิวพรรณเพื่อให้พร้อมกลับมาทำงานได้ดียิ่งกว่าเดิม”

ตอนที่เราโดนมรสุม 2 ลูกใหญ่ๆ ทั้งเรื่องหวยและสังกัดเดิมประกาศยกเลิกสัญญากับเรา เราหายไปไหน? “ช่วงที่ผมหายไปนั่นเป็นช่วงที่ผมรักษาตัวเองทั้งจิตใจและร่างกาย คุณแม่จะบอกตลอดเลยว่าต้องลุกขึ้นมา อย่าจม เพราะถ้าสภาพจิตใจเรามันแย่ทุกอย่างก็จะแย่ตามไปหมด

แต่ถ้าคิดว่าเราต้องเดินหน้าต่อ กลับมาอย่างไรให้สง่างาม ถ้าจิตใจเราเข้มแข็งก่อนทุกอย่างมันก็จะตามมาเอง แต่ช่วงที่เราดาวน์จริงๆ ผมก็ปล่อยตัวเองเต็มที่เลย มันจมจริงๆ ครับ”

มันมีจุดที่เรารู้สึกว่าเราไม่อยากอยู่ในวงการแล้วไหม? “ผมมองว่าการที่เราเป็นนักแสดงเป็นคนที่มีชื่อเสียง เราไม่เคยมีข่าวเสียหายใดๆ เราสร้างแต่สิ่งที่ดีมาตลอดระยะเวลาที่ผมอยู่ช่อง 7 มันก็ไม่แปลกใจที่ถ้าวันหนึ่งผมเกิดสะดุดล้ม หรือพลาดขึ้นมาแล้วมันจะเป็นข่าวใหญ่โต และทุกคนจะรู้สึกเสียใจไปกับเรามันก็ไม่แปลก

มันก็ได้สัจธรรมอย่างหนึ่งขึ้นมาว่าเราเป็นบุคคลสาธารณะ เรายืนอยู่ตรงกลางสปอตไลต์และมีคนรอบข้างที่เขายืนอยู่ เพราะฉะนั้นเวลาที่เราจะทำอะไรมันสว่างหมดเลย เราเป็นคนที่อยู่ในที่สว่าง เราก็ต้องทำอะไรที่มันสว่างด้วย เราก็ได้บทเรียน”

ต่อไปเราก็จะระวังคนที่เข้ามามากขึ้น? “ใช่ครับ ตอนนี้ก็ระวังครับ อย่างที่ผมบอกว่าตอนนี้เวลาจะทำอะไรก็ต้องปรึกษาผู้ใหญ่ แม้กระทั่งแม่ผมเวลาที่จะรับงาน ก็ต้องปรึกษากับเราก่อนอย่าเพิ่งรับงานด้วยตัวเอง”

ยิ่งสูงยิ่งหนาวเราว่าจริงไหม? “อันนี้ของจริงเลยครับ แต่ผมไม่เคยมีความคิดที่จะออกจากวงการ ผมรู้สึกว่าการที่เรามายืนอยู่ตรงนี้ถือว่าเป็นโอกาสหนึ่งในสิบล้าน มันไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้ามาเป็นดาราเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงได้ แล้วทำไมเราจะต้องเอาทุกอย่างที่เราสร้างมาเป็นระยะเวลาเกือบ 10 ปี มาแลกกับเรื่องแค่นี้

มันแค่มีอิทธิพลกับชีวิต และกับจิตใจเราในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพราะทุกคนไม่มีใครที่จะเกิดมาแล้วดวงดี 100% มันต้องมีช่วงเวลาที่ตกต่ำบ้างทุกข์บ้างสุขบ้าง”

ขอบคุณรูปจากไอจี : bigm_krittarit