บิ๊กป้อม เปิดตัว 2 กูรู ‘ธีระชัย-กรกสิวัฒน์’ เสริมทีมเศรษฐกิจ จับมือทำงาน ‘มิ่งขวัญ’ ได้ โวมีแค่นี้ก็พอแล้ว ลั่น แก้ปัญหาให้ประชาชนอยู่ดีกินได้
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 15 มี.ค.2566 ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง ร่วมแถลงเปิดตัวทีมเศรษฐกิจของพรรค ได้แก่ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรมว.คลัง และ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า พรรคมยินดีที่ได้ทีมเศรษฐกิจทั้ง 2 ท่าน ที่มีความสามารถทั้งด้านเศรษฐกิจ และพลังงาน พร้อมทำงานเพื่อพรรค และนำประโยชน์มาสู่ประชาชนเป็นสำคัญ ต้องขอบคุณที่มาร่วมทำงาน ตอนนี้เรามีทีมเศรษฐกิจเพียงพอแล้ว เราพร้อมแก้ปัญหาให้บ้านเมือง ให้ประชาชนอยู่ดีกินได้ และยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้ ยืนยันพรรคเรามีทีมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง พร้อมทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน ทั้งสองคนพร้อมร่วมกันทำงาน
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีนโยบายเศรษฐกิจอะไรออกมาอีกหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ให้ออกมาก่อนแล้วค่อยถาม ซึ่งพรรคมีทีมงานด้านเศรษฐกิจ เยอะแยะ เพราะทำคนเดียวไม่ได้ โดยนโยบายจะทยอยออกมาเรื่อยๆ
เมื่อถามว่าวางบทบาทของทั้งสองคนทำงานร่วมกับนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรค ในเรื่องเกี่ยวกับพลังงานไว้อย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เขาไม่มีอะไร ทำงานร่วมกันได้ ไม่มีปัญหา เพราะมีความรู้ด้วยกันทั้งคู่ ต้องมาคุยกันว่าจะทำอย่างไร และจะออกมาเป็นโยบายด้านพลังงาน รับรองว่าดีแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีทีมเศรษฐกิจเข้ามาเพิ่มหรือจบเท่านี้ หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เอาแค่นี้พอแล้ว เยอะแล้ว ดูแลประเทศชาติได้แล้ว เพราะเราได้คนระดับหัวๆมาทั้งนั้น เมื่อถามย้ำว่าสู้กับทีมเศรษฐกิจของพรรคอื่นได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะไปสู้กับใคร เราไม่สู้กับใคร สู้กับประเทศชาติและความยากจนของประชาชน ไม่สู้กับใคร เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดีได้รับความเป็นธรรมเท่าเทียมทุกคน
ด้านนายสันติ กล่าวว่า ทั้ง 2 คน เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ และมีอุดมการณ์ที่จะเข้ามาช่วยพรรคผลิตนโยบาย และแนวคิดเศรษฐกิจเพื่อประชาชน เพื่อให้พรรคเป็นที่หวังของประชาชน อย่างไรก็ตาม เมื่อหัวหน้าพรรค ได้เป็นนายกฯ ทุกนโยบายเราจะทำทันที และเห็นผลทันที
ส่วนนายธีระชัย กล่าวว่า สาเหตุที่ตัดสินใจตอบรับ เพราะเห็นว่าบ้านเมืองจะเผชิญปัญหาใหญ่ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า ทั้งด้านเศรษฐกิจ และด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อีกส่วนหนึ่งจากปัญหาที่สะสมกันมาหลายปี เช่น ปัญหาเศรษฐกิจการเงินโลก รวมถึงการบริหารประเทศต้องเพิ่มนโยบายที่เน้นทำให้ประชาชนมีความเข้มแข็งในตัวเอง และต้องเพิ่มนโยบายที่ขจัดความขัดแย้ง และการเปิดรับฟังปัญหาและความคิดเห็นของประชาชนอย่างแท้จริง ต้องคิดนอกกรอบเดิม รวมทั้งป้องกันไม่ให้นายทุนเข้ามาใช้ข้าราชการเป็นเครื่องมือหาประโยชน์ ทำให้ภาพลักษณ์ด้านธรรมาภิบาลของประเทศตกต่ำ ฟื้นไม่ขึ้น และสังคมขาดความเป็นธรรม
“ผมพิจารณาแล้วเห็นว่า พรรคที่จะแก้ปัญหาได้ก็คือพรรคพลังประชารัฐ เพราะจะมีโอกาสทำงานเพื่อประชาชน สร้างสมดุลระหว่างนายทุนกับประชาชน และเป็นนโยบายที่ทำได้จริง ไม่สุดกู่ รวมถึงนโยบายขจัดความขัดแย้งทางการเมืองให้ได้ ก็สอดคล้องกับแนวคิดของผม ผมจึงเข้ามาในพรรค เพื่อนำเสนอนโยบายที่เกิดผลประโยชน์ต่อประชาชนที่จะทำได้จริง สร้างสมดุลประชาชนกับนายทุน ที่จะปราศจากผลประโยชน์ครอบครัวเจ้าของ และเป็นนโยบายที่จะมองกว้างไกล เพื่อจะให้เป็นทางเลือกแก่ประชาชน” อดีตรมว.คลัง กล่าว
ด้าน ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวว่า ทราบว่าพรรคมีความตั้งใจ ไม่ใช่แค่ลดราคาพลังงานแบบฉาบฉวย แต่จะปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบอย่างจริงจัง เมื่อตนได้พูดคุยกับพล.อ.ประวิตร พบว่าท่าน ใจกว้างรับฟังความเห็นที่ตนนำเสนอ และพร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเต็มที่
“ผมมั่นใจว่าหากพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาล นโยบายที่พรรคจะทำให้ประชาชน จะมีผลเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะยึดหลักการว่า พลังงานของประชาชน เพื่อประชาชน ตามที่พรรคมีเจตจำนง” ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าว