จากกรณีที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ถูกผู้สื่อข่าวหลายคนถามว่า ได้ดูการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันนี้หรือไม่ พลเอกประวิตร กลับไม่ตอบคำถาม เพียงแค่พูดว่า “ถามอะไรๆ ถามอะไรก็ไม่ได้ยิน“ ก่อนจะเอื้อมมือตบหัวนักข่าวสาวที่สอบถามคำถามดังกล่าว จนกล่าวเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ ว่าเหมาะสมหรือไม่
ซึ่งนักข่าวสาวคนดังกล่าวเป็นนักข่าวของ Thai PBS ทำให้ Thai PBS ออกแถลงการณ์ หลังผู้สื่อข่าวถูกคุกคาม โดยระบุว่า ตามที่เกิดเหตุการณ์ ผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ถูก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ คุกคามด้วยการตบบริเวณศีรษะ ขณะที่ผู้สื่อข่าวกำลังทำหน้าที่ติดตามสัมภาษณ์ที่สำที่สำนักงานคณะกรรมการโอลิมปีกแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (บ้านอัมพวัน) เมื่อช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม 2567และเป็นคลิปวิดีโอที่ถูกเผยแพร่ต่อทางสื่อหลักและสื่อสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวางนั้น
- อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ‘บิ๊กป้อม’ เดือด ตบหัวนักข่าว หลังถูกถาม เรื่องการโหวตเลือกนายกคนใหม่!
องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัดเห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการคุกคามการทำหน้าที่ผู้สื่อข่าว การตั้งคำถามด้วยถ้อยคำ และท่าที่สุภาพในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผู้ถูกสัมภาษณ์ ดังปรากฎในคลิปวิดีโอ ที่ถูกเผยแพร่เป็นที่ประจักษ์นั้น ชัดเจนว่า เป็นการทำหน้าที่ผู้สื่อข่าวโดยสุจริต การถูกกระทำทางกายจากแหล่งข่าวเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ และถือเป็นพฤติกรรมที่ย่อมส่งผลกระทบต่อจิตใจและความรู้สึกปลอดภัยของผู้สื่อข่าว-ช่างภาพ ที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์เดียวกันนี้ด้วย
ส.ส.ท. มีมาตรการในการปกป้องคุ้มครองผู้สื่อข่าวและผู้ปฏิบัติงานทุกคน เพื่อให้สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมั่นใจ ดำรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีและมีความกล้าหาญทางจริยธรรม การคุกคามผู้สื่อข่าวครั้งนี้จึงเป็นเหตุการณ์ที่ ส.ส.ท. ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้แสดงความรับผิดชอบและขอให้สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่ง
ประเทศไทย ร่วมกันหามาตรการดำเนินการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสื่อมวลชนต่อไป
ต่อมาเมื่อเย็นวันเดียวกัน มีรายงานว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร) ได้ให้ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ได้โทรศัพท์สายตรงมาถึงผู้สื่อข่าว สถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งที่เกิดเหตุถูกหยุมหัวหนัก
พล.อ.ณัฐ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวทางพลเอกประวิตร ไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนั้นได้ส่งสายโทรศัพท์ให้พลเอกประวิตร ได้พูดคุย โดยพล.อ.ประวิตร ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตนเองไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้มีเจตนาอะไรเลย เพราะปกติแล้ว ตนเองก็ได้พูดล้อเล่นและแหย่เล่นกับผู้สื่อข่าวที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นประจำอยู่แล้ว