งานนี้มีหนาว! พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จ่อเอาผิด อัจฉริยะ หลังกล่าวหาตำรวจสร้างหลักฐานเท็จคดีแตงโม สั่งทีมกฎหมายอย่านิ่งเฉย หากไม่ดำเนินคดีเท่ากับยอมรับข้อกล่าวหา
จากเหตุการณ์สุดสลดของคนทั้งประเทศ การจากไปของดาราสาวมากความสามารถอย่าง แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ ที่เกิดประสบอุบัติเหตุพลัดตกเรือกลางแม่น้ำเจ้าพระยาจนเสียชีวิตในกลางดึกของคืนวันที่ (24 ก.พ. 65) ขณะล่องเรือเที่ยวสังสรรค์อยู่กับเพื่อนทั้ง 5 ราย
ซึ่งอย่างที่รู้กันดีว่า ในขณะนี้ยังมีคนที่ไล่จี้เพื่อทวงความยุติธรรมให้แตงโมอย่างไม่หยุดยั้งและเป็นกระแสในสังคมทำให้ผู้คนต่างจับจ่องอย่าง นายอัจฉริยะ ที่ยังคงค้นหาความจริงพร้อมยังมีการนำหลักฐานที่ตนเองได้มานำวิเคราะห์ใหม่เพื่อใขข้อส่งสัยให้กับประชาชนจนโดนแจ้งความดำเนินคดีจากการกระทำเหล่านี้
ล่าสุด วันนี้ (12 พ.ค. 65) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า การทำคดีการเสียชีวิตของ แตงโม นิดา พัชรวีระพงศ์ หลังจาก นายอัจฉริยะ เรืองรัตน์พงศ์ แถลงข่าวตำรวจสร้างพยานหลักฐานเท็จเพื่อช่วยเหลือผู้ต้องหา โดยกล่าวอ้าง พล.ต.ต.(ว) เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง
พล.ต.อ.สุวัฒน์ ยืนยันไม่มีการสร้างพยานหลักฐานเท็จ แม้ว่านายอัจฉริยะกล่าวอ้างก็ตาม ส่วนประเด็นที่นายอัจฉริยะมีการหยิบยกขึ้นมาตั้งข้อสังเกต ได้มอบหมายให้จเรตำรวจเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้พนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ตรวจสอบข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมในทุกประเด็น
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่าเพิ่มเติมว่า คดีแตงโม ตำรวจมีการสอบสวนในรูปแบบคณะกรรมการสอบสวนชุดใหญ่ และเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมทุกอย่าง แต่กระบวนการสอบสวน คงไม่สามารถนำพยานหลักฐานต่างๆ มาถกเถียงกันในสื่อสังคมออนไลน์ได้ ซึ่งในคดีนี้หากมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนช่วงที่แตงโมตกเรือ การสอบสวนคงง่ายขึ้น แต่เมื่อไม่มีพยานหลักฐานในประเด็นนี้ ตำรวจจำเป็นต้องหาข้อมูลพยานหลักฐานอื่นมาประกอบ เพื่อตอบข้อสงสัยในส่วนนี้ให้ได้ ส่วนสำนวนการสอบสวนคดีนี้ ตำรวจส่งกลับไปให้อัยการแล้ว หลังสอบสวนเพิ่ม 20 ประเด็นตามที่อัยการให้ความเห็นมา แต่ยอมรับว่าหากมีประเด็นใดที่จำเป็นต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมให้รัดกุมมากขึ้น สามารถสอบสวนเพิ่มได้ในอนาคต
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมในกรณีนายอัจฉริยะนำหลักฐานทางคดีของตำรวจออกไปสู่สาธารณะ ขณะนี้สั่งการให้มีการตรวจสอบว่าหลุดออกไปทางช่องทางใดและใครเป็นผู้นำออกไปเผยแพร่ และในส่วนกรณีที่มีการนำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงพาดพิงให้การทำงานของตำรวจเสื่อมเสีย ตำรวจมีความจำเป็นต้องพิจารณาใช้กฎหมายที่มีอยู่ในการดำเนินคดีเพื่อปกป้องการทำงาน โดยให้แต่ละหน่วยงาน พิจารณาตามความเหมาะสม เพราะถ้าหากตำรวจนิ่งเฉย ไม่บังคับใช้กฎหมาย อาจเท่ากับยอมรับว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นความจริง