‘บิ๊กตู่’ วอนหยุดจับจ้องความเคลื่อนไหว ชี้เป็นช่วงต้องช่วยกันรักษาสถานการณ์ให้ปกติ

Home » ‘บิ๊กตู่’ วอนหยุดจับจ้องความเคลื่อนไหว ชี้เป็นช่วงต้องช่วยกันรักษาสถานการณ์ให้ปกติ



‘บิ๊กตู่’ วอนหยุดจับจ้องความเคลื่อนไหว ชี้เป็นช่วงต้องช่วยกันรักษาสถานการณ์ให้ปกติ อย่ามาจุกจิกอะไรกับฉันมากนักเลย

วันที่ 23 พ.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมครม.ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง การประชุมได้เสร็จสิ้นลงเมื่อเวลา 10.45 น. โดยเริ่มการประชุมเมื่อเวลา 09.53 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เดินทางกลับออกไปก่อน ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ยังคงใช้เวลาพูดคุยกับพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และรัฐมนตรีคนอื่นอีกระยะหนึ่ง

จากนั้นเวลา 11.11 น. พล.อ.ประยุทธ์ แถลงต่อสื่อมวลชน โดยมีคณะทำงานและคนใกล้ชิดยืนเป็นกำลังใจ อาทิ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายธนากร วังบุญคงชนะ รมต.รีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกฯ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และน.ส.ทิพานันท์ ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

โดยก่อนที่จะแถลงถึงวาระการประชุมครม. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวติงสื่อมวลชน พร้อมขอร้องกับถึงการจับตาดูความเคลื่อนไหวต่างๆ รวมทั้งการมีปัญหากับแว่นตาตั้งแต่ช่วงเช้าว่า “รู้สึกจับตาดูทุกอย่างเลยนะ จะเดินอะไรก็ไม่ได้ อะไรหลุดก็ไม่ได้ทำนองนี้ ขอร้องว่าอย่าจุกจิกอะไรกับฉันมากนักเลยนะ ขอร้องเถอะ มันไม่ใช่เรื่อง ไม่ใช่ประเด็น มันจะยิ่งทำให้คนมีความรู้สึกว่ามันแย่มาก ก็ขอร้องแล้วกัน ช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องรักษาสถานการณ์ ให้ปกติมากที่สุด ก็ขอร้องกันให้ทุกคนอยู่ในความสงบเรียบร้อย”

“ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งเราก็พร้อม และวันนี้ได้ย้ำเตือนในเรื่องของผลงานต่างๆ ของรัฐบาลก็ขอให้มีการเตรียมการไว้ให้ดี ว่ามีรายละเอียดอะไรอย่างไรบ้าง เพราะวันข้างหน้าต้องส่งต่อให้กับรัฐบาลใหม่อยู่แล้วเมื่อได้ผ่านกระบวนการและขั้นตอนแล้ว ทุกขั้นตอนด้วยความเรียบร้อย ซึ่งใครจะเป็นก็แล้วแต่ เราก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่ายังอยู่อีกหลายขั้นตอน ช่วงนี้เราเป็นรัฐบาลรักษาการอยู่ ก็มีปัญหาอย่างเดียวคือมาตรา 169 ในเรื่องการใช้งบประมาณใหม่ ซึ่งขณะนี้ยังทำไม่ได้ เพราะเป็นภาระผูกพันของรัฐบาลใหม่ นั่นคือปัญหาที่เราจะทำเรื่องอะไรใหม่ๆ ไม่ได้มากนัก เพราะงบประมาณไม่มี จำเป็นต้องประสานกับกกต. ในทุกเรื่องอย่างเช่น เรื่องค่าไฟ ที่ผ่านมาเราได้รับความเห็นชอบกลับมาแล้วถึงทำได้ ที่ลดไป 70 สตางค์ ซึ่งแนวโน้มในเรื่องของสถานการณ์เรื่องพลังงานต่างๆ น่าจะดีขึ้นจากการประเมินในช่วงนี้ เพราะหลังจากเดือนส.ค.ไปแล้ว ราคาพลังงานน่าจะลดลง แต่ก็พร้อมที่จะขึ้นตลอดเวลา”

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ