บิ๊กก้อง เผย วาดา ให้เวลาแก้กฎหมาย 2 เดือน ก่อนสั่งแบน

Home » บิ๊กก้อง เผย วาดา ให้เวลาแก้กฎหมาย 2 เดือน ก่อนสั่งแบน



บิ๊กก้อง เผย วาดา ให้เวลาแก้กฎหมาย 2 เดือน ก่อนสั่งแบน ชี้ วาดา ปรับกฎบัตรอยู่เสมอ เป็นบทเรียนราคาแพง หากแก้กฎหมายครั้งนี้ ในอนาคต หากวาดาแก้ระเบียบอีก ก็จะแก้ไขเพียงกฎหมายลูกเท่านั้น

เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีองค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก หรือ “วาดา” สั่งคาดโทษแบนจนไม่สามารถใช้ธงชาติไทยในเวทีนานาชาติ รวมถึงพลาดโอกาสสำคัญในการเป็นเจ้าภาพกีฬาระดับนานาชาติไปเป็นเวลา 1 ปี นั้น

ล่าสุด “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยถึงความหน้าในการแก้ไขร่างกฎหมายควบคุมสารต้องห้ามทางการกีฬาให้สอดรับกับมาตรฐานของ วาดา ว่า ขอย้อนกลับไปถึงปัญหาของเราที่เป็นประเด็นให้ องค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก หรือ “วาดา” ลงโทษ เป็นเรื่องของเทคนิก เป็นเรื่องของกฎหมาย ไม่ใช่ความบกพร่องในเรื่องของการตรวจสารต้องห้าม ไม่ใช่ความบกพร่องในเรื่องของการละเลยไม่ปฎิบัติตามกฎบัตรของวาดา แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายของเราไม่สอดคล้องกับรัเบียบของวาดา หลายประการ

“การทำงานของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) หลังจากที่เราได้รับทราบว่า วาดา ได้มีการอัพเดท กฎบัตรอยู่ตลอดเวลา ครั้งล่าสุดก็เมื่อต้นปี 2564 ทุกประเทศต้องปรับให้กฎหมายมีความสอบคล้องกับระเบียบวาดา ซึ่งไทยเองมีการดำเนินการแก้ไขกฎระเบียบของสำนักงานควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางกีฬาของเรา มีการประสานกับวาดา มาโดยตลอดตั้งแต่ต้นปี จนระเบียบข้อบังคับของสำนักงานควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางกีฬา สอดคล้องกับวาดาทุกประเด็นแล้ว แต่เมื่อประมาณปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทางวาดา ได้มีการแจ้งว่ามีบางประเด็นที่ยังต้องแก้ไขให้สอดคล้องกับระเบียบของวาดา”

“วาดา ได้แจ้งให้แก้ไขระเบียบบางข้อเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยตีกรอบให้ประเทศไทยแก้ไขให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เราไม่สามารถทำตามได้ตามกรอบเวลาที่วาดา กำหนด เนื่องจากต้องมีการแก้ไขกฎหมายทั้งฉบับ ซึ่งเป็นกฎหมายแม่ จะต้องมีกระบวนการต่างๆ ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3-4 เดือน”

ผู้ว่าการ กกท. กล่าวต่อไปว่า การแก้กฎหมายครั้งนี้ จะเป็นการแก้ในลักษณะที่ให้กฎหมายหลักเป็นกฎหมายกว้างๆ และทุกอย่างที่เป็นรายละเอียด หากวาดามีการแก้ไขระเบียบเราก็ไม่จำเป็นต้องไปแก้ไขกฎหมายหลักอีกแล้ว เราก็สามารถไปแก้เป็นระเบียบ ที่เป็นกฎหมายลูกได้ ทำให้ กฎหมายฉบับนี้มีลักษณะพิเศษ มีความอ่อนตัว เพราะทุกอย่างจะโยกไปที่กฎหมายลูก เพราะฉนั้นเมื่อมใีการแก้ไขกฎบัตรของวาดา เราก็จะสามารถแก้ไขได้โดยเร็ว ไม่ต้องรอไปแก้เป้นพระราชบัญญัติ”

ผู้ว่าการ กกท. กล่าวต่อไปว่า หลังจากผ่านที่ประชุม ครม.ต้องมารอดูว่าทางคณะรัฐมนตรีจะออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) หรือพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ซึ่งหากออกเป็นพระราชกำหนด จะลดขั้นตอนลงไป คาดว่ากฎหมายจะแล้วเสร็จอย่างช้ามกราคม 2565 แต่หากออกเป็นพระราชบัญญัติ จะต้องผ่านขั้นตอนของรัฐสภา ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นบ้าง คาดว่าอย่างช้าคงไม่เกิน กุมภาพันธ์ 2565 หลังจากนั้นจะมาประกาศเป็นกฎหมาย และออกกฎหมายลูกออกมาบังคับใช้ต่อไป

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ