ลำปาง พิธีบำเพ็ญกุศล วัดสวนดอก ครอบครัว สานเจตนารมณ์ อุทิศร่างกาย “หมอโต” นพ.สุรสิทธิ์ พงษ์เลาหพันธุ์ มอบอาจารย์ใหญ่ ให้ คณะแพทยศาสตร์ มช. เพื่อประโยชน์ต่อการศึกษาด้านแพทย์

17 ก.ค. 65 – ที่ศาลาบำเพ็ญบุญ วัดสวนดอก ถนนทิพย์ช้าง อ.เมืองลำปาง ทางครอบครัว และญาติประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศร่างกาย นพ.สุรสิทธิ์ พงษ์เลาหพันธุ์ หรือ หมอโต หรือหมอวิ่ง อายุ 55 ปี นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานเวชกรรมสังคม รพ.ลำปาง

โดยมี นพ.วีรวัต อุครานันท์ ผอ.โรงพยาบาลมะเร็งลำปาง ผู้แทนกระทรวง สธ. เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วย นายประสาน วงค์ใหญ่ รอง ผอ.รพ.ลำปาง แพทย์ พยาบาลจาก รพ.มะเร็งลำปาง รพ.ลำปาง และ ศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองหนองกระทิง พ.ต.ท.เมธี ยั่งยืน สวญ.ห้วยไร่ จ.แพร่ กลุ่มเพื่อนโรงเรียนบุญวาทย์ ม.6 รุ่น 121 ปี 2528 และผู้ที่เคารพนับถือเข้าร่วมงานจำนวนมาก

รวมทั้งแพทย์ พยาบาล บุคลากรจากศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองหนองกระทิง ต.บ่อแฮ้ว อ.เมืองลำปาง ที่หมอโตทำหน้าที่เป็น หัวหน้าศูนย์ฯ บรรยากาศเป็นไปด้วยเศร้าโศก ที่มีการสูญเสียหมอฝีมือดีไปอย่างไม่มีวันกลับ ​

โดยมีพระครูสิริธรรมวิภัช เจ้าอาวาสวัดสวนดอก เจ้าคณะตำบลสวนดอก เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นำพระภิกษุ สามเณรรวม 12 รูป ประกอบพิธีทางศาสนา แสดงพระธรรมเทศนา 1 กัณฑ์ จากนั้นทำพิธีฌาปนกิจศพ วางผ้าบังสุกุล มหาบังสุกุล เวลา 11.00 น.ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์

นางจารุวรรณ พยาบาลวิชาชีพ ประจำศูนย์ฯดังกล่าว เปิดเผยว่า ทำงานร่วมกับ น.พ.สุรสิทธิ์ หรือหมอโต มานาน แพทย์ พยาบาล 9 ราย ที่ทำงานอยู่ที่ศูนย์ฯ จะเรียกท่านว่า อาจารย์พ่อ เพราะท่านสอน นศ.แพทย์ที่มาฝึกงานด้วย

ปกติเป็นคนใจดี อ่อนโยน ไม่เคยดุด่า ไม่ถือตัว และรับฟังความคิดเห็นคนอื่นเสมอ เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 65 ที่ผ่านมา ก่อนวันหยุดยาว ยังได้เจอกันพูดคุยกันปกติไม่มีลางสังหรณ์อะไร และไม่รู้ว่าท่านและครอบครัวเดินทางไปพักผ่อนที่ จ.ภูเก็ต

“มาทราบอีกที่มีเพื่อนของ นพ.สุรสิทธิ์โทร.มาบอก เมื่อเช้าวันที่ 15 ก.ค.65 ว่า ท่านจมน้ำเสียชีวิต ทุกคนต่างตกใจ และนอนไม่หลับ ไม่น่าเชื่อว่าจะจากไปเร็วขนาดนี้ เพราะเจอกันไม่กี่วัน โดยทราบว่า วันเกิดเหตุ เมื่อเดินทางไปถึง จ.ภูเก็ต วันที่ 14 ก.ค.65 ครอบครัวกำลังเช็คอินที่โรงแรม ท่านขอไปเดินเล่นก่อนพบคนจมน้ำ จึงลงไปช่วยและเสียชีวิตด้วยดังกล่าว และทราบมาว่า วันที่ 14 ก.ค.65 ตรงกับวันครบรอบ 28 ปี วันแต่งาน นพ.สุรสิทธิ์กับภรรยาด้วย”

นางจารุวรรณ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 65 ที่ผ่านมา ยังได้มีการเลี้ยงส่งแพทย์ที่ย้ายไปที่ รพ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ท่านมาร่วมงานได้ถ่ายภาพร่วมกันรูปสุดท้าย ก่อนที่จะทราบข่าวท่านเสียชีวิต

ต่อไปนี้ คนไข้ที่เคยมารักษา ฉีดยา กับหมอโต ที่เป็นคนไข้ประจำจะต้องถามหาท่าน เนื่องจากบางรายไม่รู้ว่า นพ.สุรสิทธิ์ เสียชีวิตแล้ว ไม่รู้จะตอบคนไข้ว่าอย่างไร เป็นเรื่องสะเทือนใจมาก ที่ต้องสูญเสียทางบุคลากรแพทย์ที่ดีไปอีกราย

ต่อมาเวลา 12.00 น. ได้มีการประกอบทำพิธีอุทิศร่างแก่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำโดย อ.ดร.ชนัทพร อินถาสาน อาจารย์ประจำภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ มช.และคณะเดินทางมาด้วยรถตู้สีขาว เดินทางมารับศพ และพิธีมอบ ศพ นพ.สุรสิทธิ์ ที่วัดสวนดอก

โดยตัวแทนครอบครัว พงษ์เลาหพันธุ์ กล่าวขอบคุณผู้มาร่วมงาน และกล่าวมอบร่าง ขอบพระคุณทุกท่านที่เสียสละเวลามาร่วมงานบำพ็ญกุศลของ นพ. สุรสิทธิ์ ที่เสียชีวิตลงด้วยโรค ขาดอากาศจากการจมน้ำเมื่อวันที่ 14 ก.ค.2565 ที่ผ่านมาซึ่งนำความโศกเศร้า เสียใจมาสู่ครอบครัวเป็นอย่างยิ่งต่อการสูญเสียอย่างไม่มีวันกลับ

ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ท่านมักจะพูดให้ครอบครัวได้ยินอยู่เสมอๆ ถึงความตั้งใจอันแน่วแน่ที่จะอุทิศร่างกายเมื่อสิ้นชีวิตแล้ว ให้ไว้กับภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะเพทยศาสตร์ มช. โดยหวังไว้ว่าร่างกายของท่านจะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาเล่าเรียนของนักศึกษา เพื่อไปสู่ความสำเร็จในอนาคต ทางครอบครัว รู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่ง และหวังเช่นเดียวกันว่าทาง มช.จะดำเนินการให้สมดั่งเจตนาของผู้อุทิศร่างกายอย่างแท้จริง

ทางด้าน อาจารย์ ดร.ชนัทพร ซึ่งเป็นผู้แทนคณะแพทยศาสตร์ มช.กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซี้งต่อท่านเจ้าภาพและญาติมิตรที่ได้สูญเสีย นพ.สุรสิทธิ์ ไปอย่างไม่มีวันกลับ และขอน้อมรับร่างท่าน ซึ่งได้อุทิศร่างกายให้แก่คณะเพทยศาสตร์ มช.

เพื่อใช้สรีระร่างกายของท่าน ประกอบการเรียนการสอน ของอาจารย์และนักศึกษาที่ต้องการเรียนวิชากายวิภาศาสตร์ อันได้แก่นักศึกษาแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ เภสัชศาสตร์ พยาบาลศาสตร์ เทคนิคการแพทย์ตลอดจนนักศึกษาจากคณะศึกษาศาสตร์

พวกเราถือว่า ร่างอุทิศเป็นอาจารย์ใหญ่ของเรา เราเรียนและปฏิบัติต่อท่านด้วยความเคารพ ก่อนการเรียน จะมีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ท่านและเมื่อได้ศึกษาร่างกายของท่านแล้ว จะมีการทำบุญ และจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพร่างของท่านอย่างสมเกียรติ

“เราชาวพุทธถือว่า การอุทิศอวัยวะหรือร่างกายนั้นเป็นการเสียสละอันยิ่งใหญ่ นักศึกษาที่ได้ศึกษาเล่าเรียนร่างกายของท่านแล้ว ในอนาคตจะสำเร็จเป็นแพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล และสาขาอาชีพอื่น ๆ ซึ่งจะได้นำความรู้กลับมารับใช้ท่านทั้งหลาย และประเทศชาติต่อไป”