นักฟุตบอลส่วนใหญ่ เมื่อเลิกเล่นมักจะผันตัวไปเป็นโค้ช, นักวิจารณ์เกม หรือเอเย่นต์ดูแลนักเตะรุ่นน้อง มีน้อยรายที่จะนำประสบการณ์ลูกหนังไปบริหารกับสมาคมฟุตบอลบ้านเกิด เหมือนอย่างที่ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติบัลแกเรีย ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ อดีตกองหน้าของ ทอตแน่ม ฮอตสเปอร์ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่อาสาลงสมัครเป็นประธานสมาคม ก่อนจะพ่ายให้กับประธานคนเก่าอย่าง บอริสลาฟ มิไฮลอฟ เพียง 11 เสียง

บัลแกเรีย ในปัจจุบันถือว่าอยู่ในช่วงตกต่ำ พวกเขาไม่เคยเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกหรือยูโรเลย นับตั้งแต่ปี 2004 และอันดับโลกเคยตกลงต่ำสุดที่อันดับ 96 ในปี 2012 ก่อนจะกระเตื้องขึ้นมาอยู่อันดับ 70 ในการจัดอันดับโลกโดย สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา

เบอร์บาตอฟ หวังว่าจะนำ “การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่” มาสู่วงการฟุตบอลบัลแกเรีย ในบทบาทประธานสมาคม โดยได้รับความช่วยเหลือจากอดีตผู้เล่นพรีเมียร์ลีกอังกฤษด้วยกันอย่าง สติลิยัน เปตรอฟ และ มาร์ติน เปตรอฟ

เขาให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลที่ลงสมัครเลือกตั้งประธานสมาคมกับ The Guardian สื่ออังกฤษว่า “ถึงเวลาสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ การขาดผลงานที่ดี, เรื่องอื้อฉาวอย่างต่อเนื่อง, ความน่ากังขาเรื่องการทุจริต, เหตุการณ์เหยียดผิวในเกมกับอังกฤษ จนตำรวจต้องเข้าไปที่สำนักงานใหญ่ของสมาคม ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานฟุตบอลบัลแกเรียในปัจจุบัน และมันแสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงนี้จำเป็นเพียงใด ผมรู้สึกพร้อมที่จะรับผิดชอบในการเปลี่ยนแปลงนั้น”

แต่ในการประชุมที่กรุงโซเฟีย มิไฮลอฟ อดีตผู้รักษาประตูเรดดิ้ง ได้รับการโหวตให้ดำรงตำแหน่งต่อไปอีก 4 ปี ด้วยคะแนน 241 เสียง ส่วน เบอร์บาตอฟ ได้รับไป 230 เสียง ขณะที่อีก 8 คนสนับสนุน ฮริสโต ปอร์โตชานอฟ ผู้สมัครอีกรายหนึ่ง

แถลงการณ์บนเว็บไซต์ของสมาคมฟุตบอลบัลแกเรียระบุว่า “สโมสรฟุตบอลบัลแกเรียเลือก บอริสลาฟ มิไฮลอฟ เป็นประธานอีกครั้งในอีก 4 ปีข้างหน้า ตัวแทนของสโมสรต่างให้การสนับสนุน มิไฮลอฟ ในการแข่งขันกับผู้สมัครอีก 5 คน โดยมีความโปร่งใสและมีการลงคะแนนอย่างเปิดเผย”

สำหรับ มิไฮลอฟ ได้ดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2005 ก่อนจะลาออกจากตำแหน่งเมื่อ 2 ปีก่อน หลังผู้เล่นอังกฤษผิวสีถูกเหยียดเชื้อชาติในเกมที่ อังกฤษ ชนะ บัลแกเรีย 6-0 ในเกมยูโร 2020 รอบคัดเลือกที่กรุงโซเฟีย

โดยในตอนแรก มิฮาอิล คาซาบอฟ ก้าวเข้ามาเป็นประธานชั่วคราว ก่อนที่ มิไฮลอฟ จะกลับสู่อำนาจในเดือนเมษายน 2021 ที่ผ่านมา หลังจากที่มีการเปิดเผยว่าการลาออกของเขาไม่ได้รับยินยอมจากคณะกรรมการบริหารของสมาคม