หากพูดถึงนางเอกที่มีรอยยิ้มละลายใจแฟนๆ ยุคนี้ต้องยกให้สาวหน้าหวาน บัว-นลินทิพย์ อ่องอำไพ นางเอกมากฝีมือที่โลดแล่นในวงการมานาน และด้วยความสามารถและความน่ารักเฉพาะตัวทำให้ตอนนี้ บัว เข้าไปอยู่ในหัวใจของใครหลายๆ คนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ล่าสุด บัว นลินทิพย์ ก็ได้รับความท้าทายอีกครั้งในละครสุดเข้มข้น “พราวมุก” ทางช่อง 3 HD ประกบคู่พระเอกคู่จิ้นฟินเวอร์ ภณ ณวัสน์ ที่ออนแอร์ไปไม่กี่ตอนก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีเอามากๆ งานนี้พลาดไม่ได้ sanook.com ขอคว้าตัวนางเอกคนเก่งมาพูดคุยกันถึงการทำงานละครเรื่องล่าสุดและชีวิตในช่วงนี้พร้อมกับเปิดเบื้องหลังลุคหวานๆ ของสาวบัว ไปดูตัวตนที่ซ่อนอยู่ บอกได้คำเดียวว่าวีรกรรมของเธอ แสบเกินจะบรรยายจริงๆ
กระแสละคร “พราวมุก” ดีมากตั้งแต่ตอนแรกที่ออนแอร์เลย โดยเฉพาะในโซเชียลมีการพูดถึงเยอะมาก?
“สำหรับฟีดแบ็คละครต้องบอกว่าแฟนคลับน่ารักมาก ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันมากเลย ดูไปด้วย พูดคุยกันผ่านช่องทางโซเชียลต่างๆ ไปด้วยสนุกมากเลยนะคะ ก็ถือว่ากระแสตอบรับดีค่ะ แฮปปี้ ตอนแรกก็แอบลุ้นเหมือนกันว่าจะออกมาเป็นยังไงนะ เราก็เหมือนเป็นคนดูคนนึงเพราะตอนถ่ายเราถ่ายกันเป็นซีนๆ ไป ไม่ได้รู้ว่าเรื่องราวออกมาแล้วจะเป็นยังไง บางทีที่ถ่ายไปก็จำไม่ได้ด้วยว่าเป็นแบบนี้เหรอ (หัวเราะ)”
ส่วนใหญ่คนพูดถึงเรื่องอะไรบ้าง?
“ถ้าเป็นแฟนคลับที่เขารอติดตามละครของเรา เขาก็จะบอกว่าเป็น 3 ปี ที่คุ้มค่าแก่การรอคอยมากๆ เขาบอกว่ามันไม่ใช่แค่ขายความจิ้นอย่างเดียว แต่ภาพรวมทุกอย่าง ทั้งเรื่องภาพ เรื่องแสง ทุกอย่างสวย การตัดต่อเดินเรื่องเร็ว แล้วก็บอกว่าครบรสดี จริงๆ นอกจากคนที่เป็นแฟนคลับเราอยู่แล้วก็จะมีแฟนละครที่เขาเข้ามาชม กระแสตอบรับออกมาหลากหลายมาก แต่รวมๆ คือ โอเค ทุกคนชอบ เราก็แฮปปี้ ดีใจค่ะ”
ความยากของการเป็น “พราวมุก” อยู่ตรงไหนบ้าง?
“ยากเพราะ พราวมุก จะพลิกคาแร็กเตอร์สำหรับบัวมากๆ เมื่อก่อนคนจะเห็นบัวเล่นเป็นสาวหวาน คุณหนูเรียบร้อย พอเป็นเรื่องนี้ต้องเปลี่ยนเป็นดีเจ ต้องเท่ พราวเสน่ห์ และต้องเก่งมากๆ มีความเซ็กซี่ ยั่วผู้ชายได้ คาแร็กเตอร์เขาแข็งแรงมาก และด้วยความที่เป็นเรื่องของดีเจ เรื่องการเต้น ใครที่เป็นแฟนคลับบัวจะรู้ว่าบัวมีปัญหาเรื่องนี้มาก เรื่องการเต้นจังหวะเพลงต่างๆ อะไรที่เกี่ยวกับดนตรีบัวจะสกิลไม่ค่อยแข็งแรง (หัวเราะ) แต่ในเรื่องต้องแพรวพราวมาก บัวเลยต้องไปทำการบ้านเยอะค่ะ”
“แล้วก็มีไปเรียนดีเจด้วย เพราะทางผู้จัดเขาอยากให้เราใช้งานเครื่องได้จริงๆ ไม่ใช่แค่จับๆ เซ็ทแล้วถ่ายมา นอกจากนี้ยังไปเรียนเต้นด้วยเพราะบัวเป็นคนงงกับร่างกายตัวเอง มีปัญหาเรื่องสกิลจังวะมาก ตอนถ่ายตื่นเต้นมาก ทุกคนพยายามให้กำลังใจแต่เขาก็รู้เลยว่าหน้าเรากังวลมาก พอออนแอร์ออกมาก็ลุ้นมากค่ะว่าจะออกมาเป็นยังไง”
กลับมาเจอคู่จิ้น “ภณ ณวัสน์” อีกครั้ง การทำงานร่วมกันครั้งนี้เป็นยังไงบ้าง?
“ก็ 3 ปี ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งนึง ดีค่ะ เพราะเราเคยทำงานกันมาแล้วเราจะรู้ทางกัน ทำงานกันง่ายและสบายใจ เรื่องนี้เขาปากร้ายมาก ทางแฟนๆ เองเขาก็แฮปปี้ ฟิน ที่เราได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง เขาบอกว่าสมการรอคอยนะ เพราะบัวเอง หรือ แม้แต่ตัวภณ เราก็มีเป้าหมายเหมือนกัน คือ อยากทำผลงานออกมาให้ดี อยากให้ผู้ชมรู้สึกว่าสมการรอคอยค่ะ”
เลิฟซีนไม่เบาเลยเรื่องนี้?
“เป็นเลิฟซีนแบบดุเดือด (หัวเราะ) ไม่ค่อยมีเลิฟซีนแบบมุ้งมิ้งเท่าไหร่ ซึ่งเหนื่อยมากๆ พวกเราเรียกฉากเลิฟซีนกันว่าฉากบู๊ค่ะ เพราะต้องใช้พลังเยอะมากเลย ไม่ใช่เลิฟซีนกุ๊กกิ๊กแบบคนรักกันอยู่แล้วเขาทำกัน แต่เป็นเลิฟซีนของคนที่ตีกัน แล้วทำให้เกิดซีนนั้นขึ้น ดึงขา ดึงหัว กระโดถีบกันเยอะมาก ถ้าต้องเล่นเราก็เก็บพลังรอไว้เลย ตอนถ่ายก็ใส่กันเต็มที่มาก สุดท้ายกลับบ้านก็เขียวช้ำมีร่องรอยกันไป”
เลิฟซีนยังเขินกันอยู่ไหม?
“เขิน (ยิ้ม) ตอนซ้อมก็จะเขินๆ แต่พอถ่ายจริงเราก็ต้องโฟกัสกับเรื่อง ทำให้เต็มที่จะได้ไม่ต้องเล่นหลายเทค”
เรื่องนี้เป็นละครหลังข่าวเรื่องแรกของบัว แอบกดดันบ้างไหม?
“บัวมองว่าจริงๆ ก็เป็นการทำงานเหมือนกัน แต่ก็มีความลุ้น ตื่นเต้น และแอบกดดันนิดนึงเหมือนกัน จริงๆ บัวก็กดดันตัวเองทุกเรื่องแหละ แต่ว่าเรื่องนี้อาจจะกดดันมากเป็นพิเศษ (หัวเราะ) ด้วยอะไรหลายๆ อย่างทั้งคาแร็กเตอร์ตัวละครพราวมุกก็เป็นตัวละครที่ยาก ก็ต้องบอกว่าเครียดเหมือนกันค่ะ”
ถ้านับดูแล้ว บัว อยู่ในวงการมานานแล้วเหมือนกัน ชีวิตในวงการของเราเข้าที่หรือยัง?
“ถามว่าโอเคไหม คือ หนึ่งเราอาจจะไม่ค่อยมีเวลาเป็นของตัวเองเท่าไหร่เพราะส่วนใหญ่ทำงาน 7 วันเลย ก็เลยมีบางอย่างที่เราอยากทำแล้วยังไม่ได้ทำเพราะไม่มีเวลา แล้วก็มีปัญหาเรื่องสุขภาพนิดหน่อย การทำงานในวงการใครว่าง่าย ก็ไม่ง่ายนะคะ แต่การได้เข้ามาทำงานตรงนี้บัวก็รู้สึกว่าเราเจอทางของเรา เราชอบอาชีพนี้”
“เป็นอาชีพที่เรายังสนุกและอยากทำไปเรื่อยๆ บัวรู้สึกว่ามีโอกาสดีๆ ที่เข้ามาในชีวิตเยอะขึ้น ถ้าเราไม่ได้ทำงานตรงนี้เป้าหมายในชีวิตของเราอาจจะไม่ประสบความสำเร็จเร็วอย่างที่คิดหรือตั้งใจไว้ เป้าหมายของบัว คือ ซื้อบ้านให้ครอบครัวอยู่อย่างมีความสุขโดยที่เขาไม่ต้องทำอะไร ก็เลยรู้สึกว่าการได้เข้ามาอยู่ในวงการก็เป็นอะไรที่ทำให้เป้าหมายเราประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้นค่ะ”
ขอทำการรีวิว “บัว นลินทิพย์” สักหน่อย เห็นลุคหวานๆ แบบนี้จริงๆ แล้วเป็นสาวสไตล์ไหน?
“ถามว่าหวานไหมก็ไม่ได้หวานขนาดนั้น จริงๆ คิดว่าตัวเองเป็นคนแมนๆ ด้วยซ้ำ ด้วยความที่บัวเริ่มทำงานเก็บเงินตั้งแต่ยังเรียนอยู่ เพราะอยากที่จะดูแลตัวเองได้ถ้าอยากได้อะไร ไม่ต้องขอพ่อขอแม่ มันทำให้รู้สึกว่าเราดูแลตัวเองมาตั้งแต่เด็ก มีความแมนๆ ลุยๆ อยู่ในตัว แต่จริงๆ เป็นคนขี้อายนะ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ชินเวลาเจอคนเยอะๆ แล้วก็เป็นคนสโลว์ไลฟ์ ทำอะไรช้าๆ จนตอนนี้พยายามบอกตัวเองว่าต้องทำอะไรเร็วๆ บ้าง บางทีก็รู้สึกว่าเราอยากทำอะไรเร็วๆ บ้างแต่ทำไมมันยังช้าอยู่ (หัวเราะ) คนก็จะเรียกว่า “ป้า” บ้าง “เต่า” บ้างอะไรอย่างงี้”
“เป็นคนชอบอยู่ในเซฟโซนที่เราสบายใจแล้วก็ไม่ค่อยเล่นกิจกรรมอะไรที่ผาดโผน หรือ เอ็กซ์ตรีมเท่าไหร่ อย่างพวกเซิร์ฟสเก็ตพวกนี้ก็ลองแล้วนะ แต่ไม่ใช่ทางของเราจริงๆ เรารู้สึกไม่ปลอดภัย เรากลัว อาจจะเป็นเพราะว่าตอนเด็กๆ บัวซนมาก บัวเคยย้ายตามพ่อไปอยู่ที่ขอนแก่น ช่วงนั้นเรียนประถมก็จะชอบขี่จักรยาน ปีนรั้ว ปีนต้นไม้ แล้วได้แผลจากความซนมาเยอะมาก ทั้ง จักรยานล้ม โดนหมากัด หัวแตก โดนมอเตอร์ไซค์ชน หูฉีก เย็บหูก็เคยมาแล้ว (หัวเราะ)”
“บัวเจ็บตัวมาเยอะ ก็เลยรู้สึกว่าไม่อยากทำอะไรที่เสี่ยงต่อการเจ็บตัวอีกแล้ว โตมาก็เลยไม่ค่อยเล่นอะไรหวาดเสียวเท่าไหร่ เลิกซนไปเลย เพราะตอนเด็กซนมาเยอะมาก”
เล่าวีรกรรมความซนที่จำฝังใจให้ฟังหน่อย?
“มีหลายเหตุการณ์มาก แล้วเจ็บตัวจริงๆ อันแรก คือ หูฉีก ต้องเย็บหูเพราะโดนมอเตอร์ไซค์ชน เหตุการณ์ตอนนั้น คือ เลิกเรียนแล้วรถโรงเรียนต้องมารับไปส่งที่บ้าน แต่เราไม่อยากรอ อยากออกไปซื้อขนมหน้าโรงเรียนซึ่งจริงๆ เขาไม่ให้ออกไป แต่เราก็แอบออกไป พอกำลังจะข้ามถนนไปร้านขนมเราก็มองถนนแล้วนะว่าไม่มีอะไร แต่พอข้ามปุ๊บโดนมอเตอร์ไซค์ชน ล้มลงไปนอนเลย คนที่เห็นเขาบอกว่าเรานอนนิ่งไปแป๊บนึงเลย แต่ในความรู้สึกเรา เรารู้สึกว่าเราล้มไปแล้วลุกขึ้นมาเลย”
“พอลุกขึ้นมาก็รู้สึกอายที่โดนรถชน (หัวเราะ) ค่อยๆ เดินไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่เจ็บอยู่นะ แขนก็ถลอก แต่ทำเหมือนไม่มีอะไร พอไปถึงร้านขายของเขาก็ตกใจกันมาก ป้าที่ร้านเขาก็ถามว่าเป็นยังไงบ้าง เราก็บอกไม่เป็นไรค่ะ เจ็บนิดหน่อย แต่ป้าเขาก็ เฮ้ยๆ ทำไมเลือดไหลอ่ะ เพราะมีเลือดไหลออกมาจากที่หู เขาก็เปิดหูดูแล้วก็บอกว่า หูฉีก!! (หัวเราะ) เราก็งงอยู่ว่า หูฉีกคืออะไร แล้วสุดท้าย ผอ. พาไปเย็บหูที่โรงพยาบาล แม่ตกใจมากเพราะรถโรงเรียนไปส่ง ไปแค่กระเป๋าแต่ตัวไม่อยู่ เพราะตัวอยู่โรงพยาบาล เย็บหูอยู่”
“ส่วนอีกเรื่อง คือ เราเป็นคนชอบขี่จักรยาน แล้วเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงตั้งแต่เด็ก จำได้ว่าตอนนั้นมีน้อง ญาติๆ มาเยี่ยมที่บ้าน มีเด็กที่บ้านเจี๊ยวจ๊าววุ่นวาย เราก็เลยรำคาญไม่อยากอยู่บ้านออกไปขี่จักรยานเล่นดีกว่า ขี่ไปเจอหมาสีดำ อารมณ์เหมือนร็อตไวเลอร์ มันวิ่งไล่จักรยานเรา ตอนนั้นบัวก็ตัวเล็กมากแต่ขี่จักรยานไซส์ใหญ่ของพี่ไป ก็รีบขี่หนี”
“แล้วเคยเห็นพี่ทำแบบว่ากระโดดหนี เราก็คิดว่าเราทำได้ไง เราก็กระโดดตัวเราปลิว จักรยานพุ่งไปชนกำแพงบ้าน ล้อบิดเลย ส่วนตัวบัวกระเด็นออกมาหัวไปฟาดฟุตบาท (หัวเราะ) เจ็บตัวแผลเต็มตัวเลย แล้วหมาก็หายไปแล้ว ไม่รู้หายไปไหน แม่บ่นใหญ่เลย เราก็เหมือนเดิม เอ๊ะ! ทำไมเลือดไหลลงมาที่เสื้อ พอเปิดดูปรากฏว่า หัวแตก! (หัวเราะ) แม่ก็ต้องพาไปโรงพยาบาล ไปเย็บหัวอีก โตมาก็เลยพอแล้วไม่อยากเจ็บตัวแล้ว”
เห็น บัว ยิ้มเก่ง ร่าเริงแบบนี้ มีเรื่องไหนเป็นเรื่องเซนซิทีฟมากๆ ไหม?
“เรื่องเซนซิทีฟมากๆ คงเป็นเรื่องครอบครัวมั้งคะ ตอนนี้แม่บัวเสียไปแล้ว บัวก็อยู่กับพ่อและพี่ชาย เรื่องครอบครัวเป็นเรื่องเซนซิทีฟสำหรับบัว อย่างตอนนี้บัวก็ทำงานในวงการมานานเราก็ดีขึ้นเรื่อยๆ แม่บัวเป็นคนชอบดูละครมาก ปกติบัวจะดูละครพร้อมแม่ตลอดแต่พอละครที่บัวได้เป็นนางเอกนำเรื่องแรกตอนนั้นแม่ก็เสียแล้ว เราก็เลยรู้สึกว่า อยากให้แม่อยู่ดูละครด้วยจังเลย”
“และเป้าหมายของบัวอย่างที่บอก คือ บัวซื้อบ้าน จริงๆ แล้วบัวอยากซื้อให้แม่แต่แม่ก็ไม่ได้มาอยู่ เราก็เลยรู้สึกว่าเรื่องเซนซิทีฟของเราก็เป็นเรื่องครอบครัวนี่แหละ เราอยากดูแลให้ดีที่สุดเพื่อครอบครัวของเราค่ะ”
คิดว่าอะไรในความเป็นเราที่เราได้รับจากคุณแม่มาเต็มๆ?
“เป็นคนใจอ่อน อ่อนใจ (หัวเราะ) เป็นคนใจดีค่ะ คิดดี มองโลกในแง่บวกสิ่งเหล่านี้บัวได้มาจากแม่หมดเลย”
มีเป้าหมายอะไรอีกไหมที่ตั้งไว้ว่าอยากไปให้ถึง?
“ไม่มีเป้าหมายระยะใกล้ค่ะ กำลังมองภาพรวมในระยะยาว วางแผนชีวิตตัวเองไว้กว้างๆ ว่าตอนแก่เราอยากใช้ชีวิตแบบไหน ต้องมีเงินเก็บเท่าไหร่เราถึงจะอยู่ได้แบบที่ไม่ลำบาก เป็นภาพรวมแบบนั้นมากกว่า ที่เห็นชัดก็คงอยากใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย อยู่บ้าน ฟังเพลงนั่งชิลล์อะไรประมาณนั้น เป็นความสุขเล็กๆ ของเรา แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้นได้เราต้องมีเงินก่อน (หัวเราะ) ก็เลยต้องทำงานตั้งแต่เรายังมีแรงในตอนนี้แหละ”
ที่มาของความสุขของเราในตอนนี้เกิดจากอะไรบ้าง?
“พอเราโตขึ้นเหมือนวิธีการคิดมันก็เปลี่ยนไปด้วย ตอนนี้บัวคิดแค่ว่าในวันนึงเราพยายามมีความสุขกับสิ่งเล็กๆ มันทำให้การมองโลกของเราเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ พอเรามีความสุขง่ายขึ้นชีวิตก็แฮปปี้ขึ้น ไม่ต้องไปคิดหรือคาดหวังอะไรเลย แค่เปลี่ยนมุมมองในแต่ละวันแค่นั้นก็ดีขึ้นแล้วค่ะ เช่น บางอย่างที่อาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ ที่เราทำไม่ได้ แต่วันนี้เราทำไม่ได้ แค่นี้ก็ถือว่าเป็นความสุขสำหรับบัวแล้ว”
เรื่องชื่อเสียง ความโด่งดัง สำคัญสำหรับบัวไหม?
“เรื่องชื่อเสียงบัวไม่ได้มองว่าเราอยากดังขนาดไหนแล้วก็ไม่ได้คิดอยากเอาไปเปรียบเทียบกับใคร บัวแค่รู้สึกว่าอาชีพนักแสดงก็ คือ อาชีพนึงที่เรามีความสุขกับงานตรงนี้ และเราก็ทำงานของเราให้สุดความสามารถเท่านั้นเอง “
“ข้อดีของการมีชื่อเสียงสำหรับบัว คือ การได้มีแฟนคลับที่เขารักเรา เป็นสิ่งที่เราอยากขอบคุณมากๆ เพราะเขาไม่ใช่ญาติเรา ไม่ได้รู้จักกับเรามาก่อนแต่เขามารักเรา คอยซัพพอร์ต มาหา เป็นกำลังใจที่ดีตลอด บัวก็ต้องขอบคุณเขาจริงๆ เพราะเขาเป็นกำลังใจที่ดีของเราให้เรามีแรงทำงาน ทำให้เรามีเป้าหมายว่างานที่เราทำเราทำเพื่อใคร เราทำเพื่อแฟนคลับให้เขาได้ดูได้ชมผลงานของเราค่ะ”
“การอยู่ในวงการบันเทิงทำให้บัวได้เรียนรู้อะไรเยอะ ทำให้เราโตขึ้น มีมุมมองในการมองผู้คนที่แตกต่างออกไป สำหรับบัว บัวมองคนอื่นด้วยการที่เราไม่เอาตัวเองไปตัดสินว่าคนนั้น คนนี้ ทำไมไม่เป็นอย่างที่เราคิด แต่เราพยายามทำความเข้าใจว่าเขาเป็นยังไง ทำไมถึงเป็นแบบนั้นมากกว่า“
มาเรื่องมุ้งมิ้งอย่างเรื่องความรักกันบ้าง หัวใจตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
“ถามว่าโสดไหม ก็คงเรียกว่าโสดมั้ง (หัวเราะ) ก็ไม่รู้ว่าจะต้องเรียกว่ายังไงถ้าสมมติว่าก็ไม่ใช่ว่าไม่มีคนคุย ก็มีคนเข้ามาคุยด้วยเรื่อยๆ เราก็ลองคุยดู เราก็ไม่รู้ว่าแบบนี้เรียกโสดไหม ถ้าคุยแล้วคลิกก็โอเค แต่ถ้าไม่คลิกก็จบไป การมีคนคุยก็เหมือนกับว่าทำให้หัวใจเรากระชุ่มกระชวยบ้าง แต่เราก็ไม่ได้โฟกัสตรงนั้นมากมายอะไร แต่ถ้ามีคนเข้ามาเราก็ไม่ได้ปิดกั้นค่ะ”
“ในความรู้สึกบัวตอนนี้บัวว่าบัวอยู่คนเดียวของเราแบบนี้บัวก็มีความสุขดี เราก็เป็นผู้หญิงยุคใหม่เหมือนกันนะ ฉันก็อยู่คนเดียวได้ ถ้าการมีแฟนแล้วมันทำให้เราต้องไปโฟกัสที่แฟนอย่างเดียวจนทำงานไม่ได้ อยู่ด้วยแล้วเป็นทุกข์ ก็ไม่จำเป็นต้องมีดีกว่า ถ้าจะมีแฟนสักคนตอนนี้มองอนาคตระยะยาวแล้ว ไม่ได้อยากมีแฟนแล้วต้องเลิก อยากคบไปนานๆ ก็คงต้องดูกันไปนานๆ ก่อนตัดสินใจค่ะ”
“คนที่ใช่สำหรับบัวคงต้องใช้คำว่า “คนที่พอดีกับเราจริง” ค่ะ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ บัวชอบคนที่มีภาวะความเป็นผู้นำ บางทีเราเจอคนมาเยอะ เราเหนื่อย ไม่อยากคิด ไม่อยากตัดสินใจอะไรแล้ว ก็อยากมีภาวะทิ้งตัวได้บ้าง สิ่งสำคัญ คือ ต้องเป็นคนที่ให้เกียรติเราด้วย เพราะการที่เราต้องอยู่ด้วยกันเราต้องให้เกียรติซึ่งกันและกันค่ะ”
สุดท้ายบัวอยากฝากอะไรถึงแฟนๆ บ้าง?
“ขอบคุณแฟนคลับนะคะ ขอบคุณที่ทำแคมเปญรถตุ๊กตุ๊กโปรโมทละครให้ น่ารักมากๆ ขอบคุณมากๆ จริงๆ เพราะอย่างที่บอกเขาไม่ใช่ครอบครัวเรา ไม่ใช่ญาติ แต่เขาทำแบบนี้ให้เรา เป็นสิ่งดีๆ ที่บัวรู้สึกว่าเป็นความโชคดีในชีวิตอีกหนึ่งอย่าง และขอบคุณสำหรับการรอคอยละครเรื่องนี้ พอละครเรื่องนี้ออนแอร์ก็ต้องขอบคุณอีกที่พวกเขาคอยเป็นกำลังใจและคอยชี้แนะบัวตลอด อยากจะฝากละครเรื่องนี้ด้วยนะคะ เราทุกคนตั้งใจกันมากๆ ทั้งเบื้องหน้า และเบื้องหลังที่ทำงานหนักมาก อยากให้ทุกคนดูและช่วยตัดสิน ชี้แนะด้วยว่าเป็นยังไงบ้าง ขอบคุณมากเลยค่ะ”
หลังจากได้พูดคุยกับสาวเจ้าเสน่ห์คนนี้ บอกได้คำเดียวว่าเป็นใครก็ต้องตกหลุมรักจริงๆ เพราะนอกจากรอยยิ้มสวยๆ ภายนอกของเธอแล้ว ภายในจิตใจก็ละมุนละไมมีเสน่ห์ แม้ตอนเด็กๆ จะซนไปซักหน่อยแต่ก็เป็นประสบการณ์ชีวิตที่เล่ากี่ครั้งก็อดที่จะเจ็บตามไปด้วยไม่ได้ เก่ง น่ารัก ครบเครื่องแบบนี้แฟนๆ ละคร และแฟนคลับอย่าลืมติดตามละคร “พราวมุก” กันจนจบ รับรองว่า บัว นลินทิพย์ ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน
Makeup & Hair: แพรว-จรัสพิมพ์ อิทธิธนากร (@wearqpraew)
Photographer: ต๊ะ-ฉัตรชัย ศรีบัวดก (@chatt.chaii)