วาระ 8 ปี คดีอุ้มหายและนำไปสู่การเสียชีวิตของนายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ อดีตสมาชิก อบต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ทางครอบครัว ภาคประชาชน และ เครือข่ายคนรุ่นใหม่ ร่วมรำลึกและยังคงติดตามคดี
นายบิลลี่เป็นแกนนำปกป้องสิทธิชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย-ใจแผ่นดิน ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ดั้งเดิมผืนป่าแก่งกระจาน ก่อนที่จะประกาศเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับซ้อน
จึงนำมาสู่ปัญหาการต่อสู้เรียกร้องพิสูจน์สิทธิในที่ดิน จนบานปลายถูกเจ้าหน้าที่อุทยานบุกเผาบ้าน ยุ้งฉาง รื้อขับไล่ และบังคับนำตัวออกจากแหล่งที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน
จนบัดนี้ปัญหาชาวบ้านบางกลอยยังแก้ไขไม่ลุล่วง เช่นเดียวกับคดีเสียชีวิตของบิลลี่ ยังไม่ถูกฟ้องในชั้นศาลเพื่อพิสูจน์ ถูกผิดในข้อหาฆาตกรรม
ย้อนไปเมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2557 บิลลี่ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานควบคุมตัว กล่าวหาครอบครองน้ำผึ้งป่า หลังจากนั้นบิลลี่ ก็หายตัวไป ขณะที่เจ้าหน้าที่อุทยานยืนยันได้ ปล่อยตัวไปแล้ว
ครอบครัวและเครือข่ายชาติพันธุ์เชื่อว่าการหายตัวไปมีเงื่อนงำ และเกี่ยวข้องกับกรณีที่บิลลี่เป็นแกนนำรวบรวมหลักฐานยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่อุทยานรื้อเผาทำลายบ้านเรือนและทรัพย์สินชาวบ้าน บางกลอย-ใจแผ่นดิน
ขณะเดียวกัน กลุ่มชาวบ้านยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ต่อมาศาลปกครองสูงสุดพิพากษาว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
พร้อมทั้งสั่งให้ชดใช้สินไหมทดแทนให้แก่ชาวบ้านผู้ฟ้องคดี
ส่วนคดีบิลลี่นั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พบหลักฐานสำคัญเป็นถังน้ำมัน 200 ลิตรชิ้นส่วนกระดูกกะโหลกศีรษะมนุษย์ และสิ่งของ ต้องสงสัยต่างๆ ใต้น้ำในพื้นที่อุทยานฯ แก่งกระจาน
จากการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์จึงเชื่อว่าเป็นชิ้นส่วนกระดูกของบิลลี่ นำไปสู่การแจ้งข้อหาคดีฆาตกรรม ดำเนินคดีอดีตหัวหน้าอุทยานฯ แก่งกระจาน และลูกน้องรวม 4 คน
ต่อมาอัยการสั่งฟ้องต่อศาลในข้อหาปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ ส่วนคดีฆาตกรรมนั้นไม่สั่งฟ้อง แต่ดีเอสไอเห็นแย้ง ก่อนนำกลับมาสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน และยื่นสำนวนไปให้พิจารณาใหม่
ขณะนี้อยู่ขั้นตอนของอัยการสูงสุด ท่ามกลางความหวังและการรอคอย ของครอบครัวบิลลี่และชาวบ้าน บางกลอย