การประชุมคณะรัฐมนตรี 25 ตุลาคมที่ผ่านมา มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงมหาดไทย เรื่องการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าวตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย

พร้อมกำหนดกลุ่มคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูง 4 ประเภทที่สามารถได้มาซึ่งที่ดิน 1.กลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง 2.กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ 3.กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย 4.กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ

โดยได้รับสิทธิ์ไม่เกิน 1 ไร่ ต่อการลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท ไม่น้อยกว่า 3 ปี

ต่อมาร่างกฎกระทรวงดังกล่าวก่อให้เกิดเสียงคัดค้านจากประชาชน ภาคประชาสังคม กลุ่มเอ็นจีโอ กลุ่มสิทธิที่ทำกิน ตลอดจนนักการเมืองฝ่ายค้าน วาทกรรม “ขายชาติ” ถูกหยิบยกขึ้นมาโจมตีรัฐบาล

ประเด็นวิพากษ์วิจารณ์คือ แม้นโยบายนี้จะเกิดประโยชน์ด้านเศรษฐกิจการลงทุน แต่สิ่งต้องคำนึงคือการมีหลักเกณฑ์เข้มงวดรัดกุม

ไม่เช่นนั้นจะเกิดผลเสียหายมากในระยะยาวทำให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงทรัพยากรที่ดินและปัญหาความเที่ยงธรรมที่รุนแรงกว่าเดิม ทั้งยังอาจส่งผลเสียทางการเมือง ความมั่นคง สังคมวัฒนธรรม

หากรัฐบาลเดินหน้าต่อก็ต้องปรับหลักเกณฑ์ เช่น เพิ่มวงเงินลงทุนเป็นไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท เพิ่มระยะเวลาลงทุน 3 ปี เป็น 10 ปี จำกัดพื้นที่ถือครองที่ต้องไม่ใช่ในทุกเขตเทศบาล เป็นต้น

สิ่งที่ต้องตระหนักในการดำเนินนโยบายนี้ คือต้องรักษาสมดุลระหว่างการเปิดกว้างทางเศรษฐกิจการลงทุน ให้คนต่างด้าวเข้ามามีสิทธิ์ยึดครองทรัพยากรที่ดิน กับผลกระทบด้านความเหลื่อมล้ำที่เกิดกับคนไทยระดับฐานราก

การที่รัฐบาลโดยกระทรวงมหาดไทย “ชักเท้าถอย” ออกจากนโยบายดังกล่าว หลังเกิดกระแสคัดค้านเป็นวงกว้างในสังคม

การเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีถอนมติเมื่อ 25 ตุลาคม จึงเป็นเรื่องถูกต้องเหมาะสม เนื่องจากนโยบายให้ต่างชาติถือครองที่ดิน ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน มีผลกระทบต่อประเทศหลายด้าน

ที่สำคัญการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาลชุดนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากในแง่ที่ว่า หลายเรื่องเป็นไปเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนใหญ่ มากกว่าคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน ไม่ว่ากรณีควบรวมเครือข่ายโทรคมนาคมรายใหญ่ หรือล่าสุดกรณีคว่ำร่างกฎหมายสุราก้าวหน้า

การ “ถอย” ครั้งนี้ ไม่เพียงลดผลกระทบด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจและสังคม ยังลดผลกระทบด้านการเมืองจากวาทกรรม “ขายชาติ” ที่รัฐบาลต้องแบกรับไว้ด้วย ในช่วงการเลือกตั้งใกล้มาถึง