กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 2,632 ราย เฉลี่ย 376 รายต่อวัน ผู้เสียชีวิต 64 ราย เฉลี่ยวันละ 7 ราย

อธิบดีกรมควบคุมโรคระบุจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตสูงขึ้น สอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้ โดยช่วงนี้เป็นขาขึ้น เนื่องจากเปิดภาคเรียน มีการรวมกลุ่มของคนจำนวนมาก และเข้าสู่ฤดูฝนเป็นช่วงที่เอื้อต่อการแพร่ระบาดของเชื้อ

ส่วนกรณีผู้เสียชีวิต 64 ราย เป็นผู้สูงอายุที่ไม่ได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มเดียวถึงร้อยละ 50 และผู้ป่วยที่รับวัคซีน 2 เข็ม แต่ไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นมาเป็นเวลานาน

ดังนั้น ในช่วงที่เชื้อโควิดกลับมาขาขึ้นอีกครั้ง จึงขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค และให้กลุ่มเสี่ยงมารับวัคซีน

ข้อมูลอีกด้านจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ต่างออกมาเตือนให้เพิ่มมาตรการป้องกันตนเองและต่อผู้อื่นด้วยเช่นกัน

โดยเปรียบเทียบจำนวนผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลและผู้เสียชีวิตสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะผู้เสียชีวิต 64 ราย สูงขึ้นเกือบ 200 เปอร์เซ็นต์ ยิ่งผู้ป่วยที่มีอาการปอดอักเสบพุ่งกว่า 400 เปอร์เซ็นต์

จากแนวโน้มสูงขึ้นของผู้ป่วยในโรงพยาบาลและผู้เสียชีวิต แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงคาดการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันอาจสูงถึงวันละ 26,000 ราย

ถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่ปลายปี 2565 และยังอาจจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ได้อีก

สาเหตุสำคัญที่ทำให้โควิดระบาดมากขึ้นในช่วงนี้ นอกจากการรวมกลุ่มทำกิจกรรมของประชาชนแล้ว ดังที่ผ่านมาจากการหาเสียง เข้าคูหาใช้สิทธิเลือกตั้ง และการแห่ขอบคุณต่างๆ แล้ว

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญยังระบุอีกปัจจัยคือสายพันธุ์ย่อยของเชื้อโควิด ที่แพร่กระจายเข้ามายึดครองพื้นที่มากขึ้นในช่วงที่ภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ และจากการเข้ารับวัคซีนที่ลดน้อยลง

จึงขอให้ประชาชนกลับมาเพิ่มมาตรการป้องกันตนเองมากขึ้น การสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือทำความสะอาด หลีกเลี่ยงการรวมกลุ่ม หรือกิจกรรมต่างๆ ยังมีความจำเป็น

แต่ในอีกด้านก็หวังว่าการสาธารณสุขของรัฐจะไม่บกพร่องหย่อนยานในช่วงรอรัฐบาลใหม่ ถ้าปฏิบัติควบคู่กันก็จะผ่านโควิดช่วงฤดูฝนไปได้