พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เนื่องจากพลังงานยังมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นอีก

นายกฯ ระบุหลังการประชุม ขอให้กพช. หาแนวทางแก้ปัญหาพลังงาน ด้วยการปรับนโยบายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติเหลว หรือแอลเอ็นจี ยังคงผันผวนและราคาสูง

รวมถึงอัตราค่าเงินบาทอ่อนค่า จะกระทบ ต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าในปี 2566 จึงมีมติเห็นชอบมาตรการบริหารจัดการในช่วงวิกฤตพลังงานเดือนต.ค.-ธ.ค.2565

จากผลการประชุมดังกล่าว รัฐบาลจึงเตรียมออกมาตรการหลายด้าน และมีไม่น้อยจะกระทบต่อประชาชน

สําหรับ 11 มาตรการประหยัดพลังงาน ที่รัฐบาลจะดำเนินการนั้น ได้กำหนดเกณฑ์ ไว้ว่าจะเป็นมาตรการบังคับเมื่อราคาก๊าซธรรมชาติเหลวในตลาดจรสูงเกินระดับ 50 เหรียญสหรัฐต่อบีทียู ต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 14 วัน

อาทิ ตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้สูงขึ้นจากปกติ 2 องศาเซลเซียส หรือ 27 องศาฯ กำหนดเวลาเปิด-ปิดป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ปิดสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงหลังเวลา 23.00 น.

อีกมาตรการสำคัญคือ กำหนดเวลาเปิด-ปิดภาคธุรกิจบริการที่ใช้พลังงานสูง เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ และสถานบริการบันเทิงกลางคืน เป็นต้น

นี่คือมาตรการส่วนหนึ่งที่รัฐบาลเตรียมออกมาบังคับใช้ ควบคู่กับการจัดหาแหล่งพลังงานเชื้อเพลิงที่มีต้นทุนต่ำ

นับเป็นเรื่องดีที่รัฐบาลตระหนักกังวลต่อวิกฤตพลังงาน ซึ่งยังคงผันผวนไม่แน่นอน และ มีแนวโน้มราคาจะขยับสูงขึ้นไปอีก จึงจัดวางมาตรการต่างๆ ไว้รองรับ

หลายมาตรการเป็นเรื่องที่ทำได้เลยทันที ซึ่งภาคเอกชนและประชาชนส่วนใหญ่เองก็ตระหนักเช่นกันในช่วงวิกฤตพลังงานนี้ ไม่ว่าจะเป็นการปิดเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า ปรับอุณหภูมิ เครื่องปรับอากาศ กำหนดเวลาเปิด-ปิดป้ายโฆษณา ห้างขนาดใหญ่ และปั๊มน้ำมัน

แต่กรณีกำหนดเวลาปิด-เปิดร้านสะดวกซื้อ และสถานบริการบันเทิง เช่น ผับ บาร์ คาราโอเกะ ร้านอาหารกลางคืน จะกระทบต่อการดำรงชีพ และการทำมาหากินของประชาชนอีกไม่น้อย ที่พึ่งพาเชื่อมโยงกับธุรกิจภาคกลางคืน

จะเป็นการดีอย่างยิ่งต่อมาตรการประหยัดพลังงาน หากรัฐบาลคำนึงถึงประชาชนที่ต้องพึ่งพาอาศัยกิจการดังกล่าวนี้ด้วย