หากไม่นับฉายาที่สื่อประจำทำเนียบรัฐบาลตั้งให้ กรณีการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 4/2565 ของนิด้าโพล น่าจะเป็นภาพสะท้อนทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีกำลังใจขึ้นภายหลังการประกาศเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ให้กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงปีหน้า 2566

ในการสำรวจ ต่อข้อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี ในวันนี้ แม้ชื่อของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร แห่งพรรคเพื่อไทย จะยังคง “ยืนหนึ่ง” ในระดับร้อยละ 34 แต่ที่น่าสนใจ ชื่อของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 2 ร้อยละ 14.05 แล้วจึงตามด้วยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แห่งพรรคก้าวไกล ร้อยละ 13.25

อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับผลสำรวจรายไตรมาส ครั้งที่ 3/2565 พบว่าทั้ง 3 คนได้รับสัดส่วนเสียงสนับสนุนเพิ่มขึ้น แม้อันดับ 1 และ 2 คะแนนจะทิ้งห่างกันมากก็ตาม

ขณะที่ผลสำรวจในส่วนพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุน ในวันนี้ พรรคเพื่อไทยยังคงนำโด่งถึงร้อยละ 42.95 รองลงมาอันดับ 2 เป็นพรรคก้าวไกลร้อยละ 16.60 อันดับ 3 ร้อยละ 8.30 ไม่สนับสนุนพรรคใดเลย ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ รั้งอันดับ 4 ด้วยคะแนนร้อยละ 6.95

แม้สัดส่วนเสียงสนับสนุนจะเพิ่มขึ้นจากการสำรวจในไตรมาสก่อน แต่พรรคอันดับ 4 ก็ยังห่างจากพรรคที่ได้เสียงสนับสนุนอันดับ 1 มากกว่ากันถึง 6 เท่าตัว คือ ร้อยละ 42.95 ต่อร้อยละ 6.95

สิ่งที่บอกได้จากผลสำรวจนิด้าโพลทั้งสองหัวข้อก็คือ ไม่ว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แห่งพรรคเพื่อไทย หรือนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แห่งพรรคก้าวไกล ล้วนได้รับคะแนนสนับสนุนน้อยกว่าคะแนนพรรค มีเพียงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ได้คะแนนสนับสนุนมากกว่าคะแนนของพรรครวมไทยสร้างชาติ

การที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศเป็นแคนดิเดตนายกฯ ให้กับพรรครวมไทยสร้างชาติไม่เพียงเป็นผลดีต่อพรรค ยังเป็นผลดีต่อประชาชนที่จะได้มีข้อพิจารณาตัดสินว่าจะให้พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งอยู่มา 8 ปี ได้ไปต่อหรือไม่

พล.อ.ประยุทธ์ มีนั่งร้านสำคัญคือส.ว. ที่มีอำนาจโหวตเลือกนายกฯ ตามบทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 อย่างที่แกนนำพรรคหลักรัฐบาลบางคนเคยกล่าว “รัฐธรรมนูญดีไซน์มาเพื่อพวกเรา”

แต่ก่อนไปถึงขั้นนั้น พรรครวมไทยสร้างชาติจำเป็นต้อง มีส.ส. 25 เสียงในมือให้ได้เสียก่อน เพื่อมีสิทธิ์เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติจำเป็นต้องดำเนินทุกวิถีทางไปให้ถึงเป้าหมายนี้ให้ได้ ไม่เช่นนั้นทุกอย่างจะพังครืน

เป้าหมายนี้จะเป็นจริงได้หรือไม่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชนในวันเลือกตั้ง ทั้งไม่ควรเอาอำนาจของส.ว.เข้ามาแทรกแซงเสียงจากประชาชน