ข้อกังวลจากการใช้กัญชาไม่พอเหมาะ หลังรัฐบาลถอดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด เริ่มกลายเป็นปัญหามากขึ้น เนื่องจากพ.ร.บ.กัญชา และกฎหมายลูกยังอยู่ในการพิจารณาของรัฐสภา
จากการตรวจสอบติดตามของกทม. พบผู้ป่วย 4 รายมีประวัติใช้กัญชา เข้ารักษาในโรงพยาบาล โดย 2 รายแรกเป็นผู้ชายอายุ 17 และ 25 ปี มีอาการ ใจสั่น คาดเกิดจากผลข้างเคียงจากการเสพกัญชา
รายต่อมาผู้ชายอายุ 51 ปี แน่นหน้าอกหลังเสพกัญชา นำไปสู่อาการหัวใจล้มเหลวและเสียชีวิต รายสุดท้ายเป็นผู้ชายอายุ 16 ปี เสพกัญชาเกินขนาด รักษาอยู่ในห้องไอซียู
ที่วิตกกังวลในผู้ป่วย 4 ราย มีเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีรวมอยู่ด้วย
ก่อนหน้านี้กรมการแพทย์แถลงย้ำเตือนสนับสนุนการใช้กัญชาทางการแพทย์ แต่ไม่สนับสนุนสำหรับสันทนาการ โดยเฉพาะการเสพ และการใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี
ทั้งที่จริงๆ แล้วผู้เชี่ยวชาญศึกษาแนะนำให้ใช้ในกลุ่มที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป เพื่อความปลอดภัย เพราะกัญชามีผลต่อพัฒนาการสมอง การเรียนรู้ และระบบประสาท รวมถึงไม่แนะนำใช้ในผู้หญิงตั้งครรภ์ และครอบครัวที่มีผู้ป่วยจิตเวชด้วย
นอกจากนี้อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ ร.พ.รามาธิบดี ยกผลงานวิจัยจากสหรัฐอเมริกาที่มีหลายรัฐเปิดเสรีกัญชา โดยพบกลุ่มเยาวชนใช้บุหรี่ไฟฟ้าร่วมกับกัญชาด้วย ยิ่งก่อให้เกิดอันตรายเป็นเท่าตัว และถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตแล้ว
ในประเทศไทยเองก็มีการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น จึงสุ่มเสี่ยงมากขึ้นด้วยหากใช้ร่วมกับกัญชา
แม้ต่อมากรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ตระหนักถึงช่วงสุญญากาศ ที่ยังไม่มีพ.ร.บ.กัญชา และกฎหมายลูกต่างๆ ออกมาควบคุม
โดยเตรียมจัดทำประกาศกระทรวงให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม จำกัดการครอบครอง ป้องกันการเสพ หรือนำไปใช้สันทนาการ แต่ทั้งหลายเหล่านี้สะท้อนถึงความไม่รอบคอบรัดกุมเพียงพอของนโยบายกัญชาเสรี
ยิ่งปัญหาเฉพาะหน้าจะทำอย่างไร เพื่อสกัดกั้นยับยั้งการเข้าถึงกัญชาของกลุ่มนักเรียน เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี สร้างความวิตกกังวลให้แก่โรงเรียนและผู้ปกครอง เพราะมีเยาวชนป่วยหนักจากการใช้กัญชาแล้ว
รัฐบาลต้องหามาตรการเร่งด่วนอุดช่องโหว่ช่วงสุญญากาศกัญชาเสรีนี้ให้ได้ เพราะอีกนานกว่ากฎหมายมีผลบังคับใช้