สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีหนังสือด่วนที่สุด ถึง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขต ประชาสัมพันธ์กิจกรรมส่งเสริมการรับประทานมังสวิรัติช่วงเข้าพรรษา

กำหนดให้โรงเรียนประกอบอาหารและรับประทานอาหารมังสวิรัติเป็นมื้อกลางวันในวันพระ หรือในวันที่กำหนด รวมทั้งหมด 9 มื้อ ตลอดระยะเวลา 3 เดือน

อ้างลดการเบียดเบียน ส่งเสริม และปลูกฝังความเมตตาต่อสัตว์ พร้อมให้โรงเรียนที่เข้าร่วมจัดทำรายงานผลกิจกรรม และผลจากการรับประทานอาหารมังสวิรัติของนักเรียนด้วย

อันเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันทั่วว่าแทนที่จะจัดหางบประมาณเพื่อส่งเสริมโภชนาการที่ดีและให้นักเรียนได้รับประทานอาหารครบทั้ง 5 หมู่ แต่กลับสร้างภาระให้สถานศึกษาเพิ่ม

อย่างไรก็ตาม ตามข้อสั่งการเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) นั้น น่าเป็นอาหารที่ประกอบจากพืช ผัก และผลไม้ล้วนๆ โดยไม่มีเนื้อสัตว์หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทุกชนิด

ขณะที่ร่างกายของเด็กช่วงเจริญวัยนั้นต้องการสารอาหารที่หลากหลาย ทั้งแป้ง โปรตีน และไขมันอย่างสมดุล เพื่อสร้างความเจริญเติบโตทั้งร่างกาย สติปัญญา รวมถึงพัฒนาการด้านต่างๆ อย่างสมวัย

ต่อมา เลขาธิการกพฐ.ชี้แจงว่าไม่ได้เป็นคำสั่ง แต่รณรงค์เชิญชวนเป็นประจำทุกปีในช่วงเข้าพรรษา จะทำหรือไม่ทำก็ได้ ไม่ได้บังคับ แค่ประชาสัมพันธ์เชิญชวนเฉพาะผู้ที่สนใจเท่านั้น

แต่การกำหนดให้ทำรายงานผลกิจกรรม ประกอบด้วยชื่อเมนูอาหาร รูปภาพอาหารที่เสร็จเรียบร้อย ส่วนผสม วิธีปรุงอาหาร และผลจากการรับประทานอาหารมังสวิรัติของนักเรียนนั้น ก็ทำให้เกิดความงุนงงตามมา

ในความเป็นจริง อาหารกลางวันของนักเรียนมีความสำคัญมาก ทุกคนสมควรได้รับรับประทานอย่างเต็มอิ่ม ครบตามหลักโภชนาการ เพราะอาหารเช้าจากที่บ้านนั้นในหลายพื้นที่ หลายจังหวัด โดยเฉพาะถิ่นทุรกันดารนั้น แทบจะไม่มีตกถึงท้องเลย

ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จังหวัด ตลอดจนองค์กรปกครองท้องถิ่น สมควรจัดหางบประมาณสนับสนุนและเพิ่มเติมโดยไม่ให้ขาดตก เพื่อสนับสนุนอาหารกลางวันของเด็กนักเรียนอย่างทั่วถึง

ข้อสั่งการใดๆ ที่เป็นไปเพื่อสร้างความยุ่งยาก ให้เป็นภาระการจัดหาเพิ่มเติมอย่างไม่จำเป็นน่าจะไม่มีความเหมาะสม เพราะในอาหาร 5 หมู่นั้นก็รวมส่วนประกอบอาหารที่เป็นมังสวิรัติอยู่แล้ว

ที่สำคัญ สมควรต้องเพิ่มจำนวนปริมาณเนื้อสัตว์ ไข่ ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับนม รวมถึงอาหารอื่นๆ ที่มีความจำเป็นต่อร่างกายในวัยเด็กให้มากๆ จะเป็นประโยชน์มากกว่า